รายการประเด่นข่าวประเด็นธรรม ออกอากาศทาง เอเอส ทีวี วันศุกร์ที่ 17 ก ย 2553 11.00-12.00 น. โดยหลวงปู่พุทธะอิสระ

เป็นไข้เลือดออกกระเพาะ ที่วัดเผอิญเป็น 4 คน พระ 2 เด็ก 2 ชั้นรวมด้วยก็เป็น 5 ยุงเยอะมาก แต่ตอนนี้เค้าจัดการแล้ว สาธารณสุขเค้ามาดูแล  สั่งไว้ตั้งแต่ก่อนเข้าพรรษาด้วยซ้ำ แต่สมภารประมาณว่ากลัวบาป ก็ฉีดทุกวันๆ ละ 2 ครั้ง แต่ดันเอาแต่ควันฉีด ไม่ได้เอายากำจัดยุงหรือยาป้องกันยุงฉีด เค้าป้องกันไม่ได้ น้ำทั้งทะเล น้ำมันนิ่ง เพราะน้ำมันขังไง น้ำมันอั้นไปไม่ได้ไง แล้วมันก็เกิดอาการเน่า แล้วมันก็เป็นน้ำเป็นทะเล อะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้จะป้องกันยังไง ยิ่งกว่าปลาหางนกยูง  ปลาช่อน ปลาหมอเต็มไปหมด กินไม่หมด

สรุปรวมๆ คือหน้านี้เป็นหน้าที่ยุงลายระบาดมาก และไข้เลือดออกมันเป็นอะไรที่ ชั้นโชค
ดีมากนะ ชั้นพยายามหายาสมุนไพร แต่พระ 2  เด็ก 2  ต้องไปนอนโรงพยาบาล แต่ชั้นไม่ไปนะ เพราะกลัวว่าจะหนักกว่าเก่า ถ้าชั้นไปโรคเก่ามันจะกำเริบขึ้นมาหมด มันปวดเมื่อยเหมือนไข้หวัดใหญ่ อาการคล้ายๆกับไข้หวัดใหญ่ แต่พอ 2-3 วัน มันจะเริ่มซึม มันเบื่ออาหาร ปากขม มันเริ่มกินอะไรไม่ได้ แล้วก็รู้สึกเหมือนกับว่าเราหมดแรง แล้วก็เวลาปัสสาวะ อุจจาระ มันจะมีอาการเหมือนเลือดปนออกมา ไข้เลือดออกนี้ ถ้าเป็นอาการระดับหนึ่ง มันจะออกตามผิวหนัง เลือดออกตามไรฟัน ถ้ามีอาการหนักขั้นที่ 2 นี่มันก็จะลงไปที่กระเพาะ ลงไปที่ลำไส้ แต่ถ้าขั้นที่ 3 ถึงขนาดในสมอง แต่ชั้นยังไม่ถึงขั้นนั้น รักษาหายได้ แต่อาการของมันอาจจะทำให้ตับวาย ไตวาย กล้ามเนื้อหัวใจวายเฉียบพลันได้  วิธีป้องกัน คือพยายามอย่าให้ยุงกัดหรือยังลายกัด เพราะอย่างที่รู้  พักนี้ชั้นไม่ค่อยหยุดนิ่งไง ชอบซุกซน ชอบทำไอ้โน้นไอ้นี่  ขนาดวันนี้ป่วยๆ นี่ ออกจากนี่ก็ไปแสดงธรรมที่กรมการปกครอง มันไม่ขยันได้ไง บริวาร บริษัท รออ้าปาก พวกนี้รอชะเง้อ 300 กว่าชีวิตเหมือนลูกนกรอ  แม่มาก็ร้องเจี๊ยกๆ ทั้งๆ ที่ป่วยนี่นะ

ทุกเย็นนี้ไม่หยุดนะ ต้องไปงานศพพระอุปัชฌาย์ ก็ถือโอกาสเชิญชวน  พระธรรมมหาวีรานุวัตร อดีตเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี แล้วก็อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี แล้วก็เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดป่าเลไลย์  ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์  ถ้าคุณก้องจำได้  ขอใช้เวลาเล่าอดีตหน่อยนะ ช่วงเวลาจังหวะที่ชั้นลงหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่ง หลายวัน 3-4 วัน ไทยรัฐนี่ ช่วงที่เค้ามีขออ้างว่า เราไปโกงอายุพรรษา อยากเป็นเจ้าคุณ อยากเป็นพระราชาคณะ อยากเป็นพระอุปัชฌาย์  แล้วชั้นก็มีความรู้สึกว่า โหลนโท้ย ไร้สาระ แล้วก็ขึ้นโรงขึ้นศาล แล้วพวกที่กล่าวอ้างก็แพ้นะ  ศาลตัดสินมาก็ต้องให้ขอขมา  เราก็รำคาญต่อความเห็นของชาวบ้าน หรือว่าพวกพระด้วยกันที่มองว่าเราทำงานเยอะ แล้วต้องการเป็นใหญ่เป็นโต ก็เลยสึก ประกาศลาสึก แล้วก็จะบวชภายในวันเดียวกัน 

ทีนี้ตอนนั้น ใครก็กล้าเป็นอุปัชฌาย์ให้คล้ายกับคุณสนธิ มีอยู่องค์เดียวที่ยอมรับเป็นอุปัชฌาย์ให้ ก็คือท่านเดินมาเองเลย ตอนนั้นท่านยังเป็นเจ้าคณะจังหวัด  ไม่มีใครเป็นอุปัชฌาย์ให้ท่าน ผมจะเป็นให้ท่านเอง เราก็เลยรู้สึกซึ้งว่า เออว่า สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ เรื่องที่ยากที่สุดสร้างมิตรแท้  ท่านกล้าที่จะสวนกระแสต่อการที่จะโดนตำหนิติว่าจากสังคมว่า อะไรพระองค์นี้มีปัญหา ลงข่าวหนังสือพิมพ์ 3 วัน 4 วัน ติดๆกัน เดี๋ยวก็คงจะต้องมีเหตุปัจจัยอะไร ท่านกล้าที่จะเอาตัวเองเข้ามา เราก็เลยรู้สึกซึ้งน้ำใจท่าน นายทองขาวกับอดีตรองเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ตอนนี้ท่านเป็นเจ้าคณะจังหวัดแล้ว เจ้าคณะจังหวัดนครปฐมองค์ปัจจุบัน ก็มูลนิธิเค้าก็ทำเรื่องฟ้อง สุดท้ายท่านแพ้คดี ต้องขอขมา  ในทางปฏิบัติก็นับพรรษาใหม่ คือปัญหามันมีอยู่ว่า เค้าอ้างว่าชั้นไปโกงอายุพรรษา ที่จริงนะ ตอนนั้นมันร่วม 30 พรรษาแล้วนะ อายุจริงๆนะ แต่เค้าเห็นว่าเราทำงานเยอะมาก เจ้าประคุณสมเด็จพระญาณสังวรท่านไปวัดถึง 3 ครั้ง ขอให้ชั้นทำงาน ตั้งศูนย์วิปัสสนา เราก็มีผลงานเยอะมากมาย  แต่ละปีใช้เงินลงทุนกับกิจกรรมคณะสงฆ์เยอะมาก มันก็เหมือนกับสมัยก่อน ถ้าชาวบ้านทะเลาะกัน ก็เรื่องกาม ถ้าพระทะเลาะกันก็เรื่องทิฐิ แต่สมัยนี้ ถ้านักบวชทะเลาะกันก็เรื่องกาม คือเรื่อง ใครดี ใครดัง ใครเด่น ใครได้ ใครเสีย มันก็เป็นกระบวนการเหมือนอิจฉาตาร้อน แล้วก็มีข้อครหา ชั้นก็เป็นคนที่ไม่ชอบ พอมีปัญหา ใครมีปัญหากับชั้น ชั้นจะไม่โทษเค้า ชั้นจะโทษตัวชั้นเองว่า ชั้นเป็นต้นเหตุที่ทำให้เค้ามีปัญหา ชั้นก็จะกำจัดตัวเอง เอกสารเค้าก็มี แต่เค้าอ้างชั้นโกงไง เค้าอ้างว่าโกงก็ด้วยเหตุปัจจัยว่า เวลาไปแจ้งใบตราตั้ง คือตราตั้งนี่ชั้นไม่รู้เรื่อง เพราะชั้นไม่ได้เป็นคนเขียน องค์ที่มาเขียนก็เป็นเจ้าคณะตำบลบางเลนองค์ปัจจุบัน เค้าทำหน้าที่วิ่งเต้นหาเอกสาร เพราะตอนที่เค้าตั้งให้ชั้นเป็นเจ้าคณะตำบล เป็นเจ้าอาวาสนี่ ชั้นไม่รู้เรื่อง ชั้นไม่ได้อยู่วัด แล้วเค้าก็ไปเขียน ใบสุทธิไม่ได้อยู่กับเค้า ใบสุทธิอยู่กับชั้น แต่ไปเขียน มันรู้สึกว่าตัวเลขไม่ตรงแค่พรรษา หรือ สองพรรษา

ก็นายทองขาวกับพวกเค้ารวมหัวกันไง โจมตีหาว่าเราอยากเป็นใหญ่ เจ้าประคุณสมเด็จนี่ 20 พรรษาขึ้น เผอิญชั้นมันจะ 30 พรรษา ชั้นก็ไม่ได้สนใจ ไม่ได้อยากจะเป็น เราก็เลยรู้สึกว่า เอ ถ้าอย่างนั้นเรากำจัดตัวเองดีกว่า ลาสึก ประกาศลาสึก พวกที่ฟ้องนี่เป็นมหาเปรียญนะ  ทองขาวนี่เปรียญ 9 ประโยค แล้วเป็นอนุศาสนาจารย์ประจำกองทัพบก เรื่องของคนมันอิจฉา ชั้นเลยรู้สึกซึ้งในน้ำใจท่าน แล้วก็ไปทุกคืน เค้ามีการสวดอภิธรรม  เพราะฉะนั้น วันที่ 27 ก ย  วันจันทร์ 11 โมงชั้นจะไปเป็นเจ้าภาพเลี้ยงพระทั้งวัดรวมทั้งพระสงฆ์ด้วย  ท่านมรณภาพ อายุ 84 ปี ก็เลี้ยงพระ 84 รูป  แล้วก็สวดธรรมนิยาม..........

ขนาดชั้นจะทำเสื้อแจก ลงทุนทำเสื้อ 5000 ตัว เสื้อยืดสีขาว ข้างหลังก็เขียนว่า ไม่มีอะไร ไม่ได้อะไร ไม่เหลืออะไร กูตายแน่  แล้วแจกฟรีด้วยนะ เค้าถามกลับมาว่า แล้วใครจะใส่ แล้วข้างหน้ายังเขียนต่อว่า มีสติในกาย กายนี้ไม่ลำบาก มีสติในวาจา วาจานี้ไม่ลำบาก มีสติในใจ ใจนี้ไม่ลำบาก
แจกฟรีนะ กลัวว่า เค้าบอกว่า ฮึ แล้วใครจะกล้าใส่ ชั้นก็เลยบอกว่า เออ กูจะแจกฟรี แล้วดูว่า ใครจะกล้าใส่ ไม่ใส่ก็ยัดให้ใส่ ก็เลยว่า ทำเสื้อแล้ว จะแจกงานนี้ ดูว่าใครจะกล้าใส่  ก็เชิญชวนวันที่ 27 พุทธบริษัท ชาวบ้าน ที่วัดป่าเลไล สุพรรณบุรี ช่วงเพลเลี้ยงพระ สวดธรรมนิยาม ช่วงค่ำมีการสวดมาติกาบังสุกุล แล้วมีการเทศน์เรื่อง มรณานุสติกรรมฐาน หลวงปู่จะเป็นเจ้าภาพทั้งวัน ท่านเป็นเจ้าคณะ ชั้นเป็นลูกศิษย์ คงเทศน์ให้อาจารย์โดยธรรมเนียมเค้าไม่นิยม เค้าต้องแสดงความเคารพ ที่จริงเจ้าภาพเค้ามีนิมนต์ เราบอกว่าไม่เอา เค้าไม่ให้เทศน์ ไม่ใช่เค้าไม่ให้เทศน์ เราต้องสำนึกด้วยตัวเราเอง ก็เลยว่าเจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาครเป็นผู้เทศน์

เรื่องความขัดแย้งระหว่างสวนสันติธรรม ชลบุรี พระอาจารย์ปราโมทย์กับอดีตโยมอุปัฏฐาก

ไปยื่นหนังสือต่อสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติให้ตรวจสอบพฤติกรรมของพระอาจารย์ปราโมทย์
1. ทำการอวดอุตริมนุษยธรรม พูดหรือบรรยายให้ผู้อ่าน ผู้ฟังเข้าใจว่า เป็นพระอริยบุคคลขั้นใดขั้นหนึ่งแล้ว เพื่อหวังลาภสักการะ
2. การใช้อิทธิปาฏิหาริย์  คือการดักทายใจของผู้ร่วมอบรมธรรมอย่างจงใจแทบทุกครั้ง3
3. เทศน์เกี่ยวกับไสยศาสตร์
เมื่อวานทนายของสวนสันติธรรมออกมาชี้แจงว่า
แยกเป็น 2 ประเด็น
ประเด็นข้อกฎหมายในเรื่องของการรับบริจาค เรื่องการบริหารจัดการทรัพย์สินที่ชาวบ้านบริจาคมา
มันเป็นเรื่องที่ต้องชวนสงสัย ถ้าเป็นชั้น ชั้นเองก็ต้องสงสัย เพราะว่าคุณได้รับบริจาคมาเยอะแยะแล้ว คุณมากองอยู่กับคนๆเดียว และคนๆ นั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น คืออดีตภรรยา ที่เรียกว่า สีกา
ที่ทนายออกมาแถลงว่า ท่านปราโมทย์ไม่ไว้ใจผู้อื่นที่จะมาถือเงิน ถือทอง ถือทรัพย์สิน มันก็เลยสวนกับพระวินัย พอไม่ไว้วางใจผู้อื่น ตึคุณไว้วางใจอดีตภรรยา มันยิ่งกว่าความผิดพลาด ด้วยเหตุผลว่า  แสดงว่าคุณมีเจตนาที่จะยักยอก หรือมีเจตนาที่จะเก็บไว้เอง ผิดพระธรรมวินัย ไม่ได้รับเอง ไม่ได้ใช้ผู้อื่นรับ แต่มีผู้อื่นรับแล้วยินดี ก็ถือว่าผิด

ในกรณีของท่านปราโมทย์ จะรับเองหรือใช้ให้ผู้อื่นรับแล้วก็ยินดี มันครบอาการ 3 อย่าง ท่านว่าท่านเป็นธรรมยุตไม่ถือเงิน เอาโยมมาประเคน รับแล้วคนอื่นเก็บไป ไม่ได้ใช้ให้ผู้อื่นรับ แต่มีผู้อื่นรับแล้วก็สั่งว่า ให้คนโน้นเก็บ ให้คนนี้เก็บ ก็ถือว่าเหมือนกัน  รวมๆแล้วอาการ 3 อย่างที่จะต้องอาบัตินิสกีปาจิตตี ท่านปราโมทย์ ก็คือต้องอาบัติ ในกรณีของทรัพย์ในกรณีเรื่องวินัย เรื่องเงิน

แต่ในเรื่องของกฎหมายถามว่า ผู้บริจาค ๆ ให้ ถ้าถามชั้นนะ  การบริจาคมันเหมือนกับการถ่มน้ำลายลงแผ่นดิน มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะไปเอาดึงเอาน้ำลายที่ถ่มลงบนแผ่นดิน แล้วกลับมาสู่ลิ้นหรือช่องปากของตน เว้นเสียแต่ว่า น้ำลายนั้นมันไม่ลงแผ่นดิน แต่มันลงไม่อยู่ตามต้นไม้ ใบหญ้า ก็ถือว่า เจตนาในการบริจาคมันไม่ตรงเป้าประสงค์ เอาง่ายๆ เค้าบริจาคไปสร้างโบสถ์  แต่คุณดันไปสร้างกุฏิ  หรือไปสร้างสะพาน สร้างถนน หรือไปซื้อรถ

เค้ามีสิทธิ์สงสัย เพราะเงินชั้นไปอยู่ในกระเป๋าอดีตภรรยาคุณ เป็นสิทธิที่เค้าต้องสงสัย คุณต้องอธิบายข้อสงสัยมาให้ได้ แต่จะมาอ้างว่า ไม่ไว้วางใจ ถ้าคุณอ้างอย่างนี้ ไอ้อวดอุตริมนุษยธรรมที่คุณพูดออกมา น่าจะเป็นจริงที่เค้ามีข้ออ้าง มีอธิกรว่า คุณอวดอุตริมนุษยธรรม เพราะว่าคุณรู้ใจ ทายใจคนอื่น  แล้วคุณไม่รู้หรือว่า ใครบ้างที่คุณจะไว้ใจได้ เพราะคนที่ไปหาคุณเป็นร้อย เป็นพัน เป็นหมื่น  คุณไม่มีสิทธิ์จะเดาใจ รู้ใจคนไหนเลยหรือว่า เออ คุณคนนี้มันไว้ใจได้ ให้ช่วยเก็บตังร่วมกับอดีตภรรยา มองในมุมกลับ ผู้ที่มาหาทั้งหมด ไว้ใจไม่ได้สักคน อ้ายอย่างนี้มันก็คบไม่ได้แล้ว  อย่างนั้นศิษย์พระปราโมทย์ทุกคนต้องถอนยวงแล้วล่ะ  แสดงว่าคุณไม่เป็นที่ไว้วางใจของครูบาอาจารย์เลย  ไว้ใจได้เฉพาะอดีตภรรยาเท่านั้น ทายใจได้เก่ง ถูกต้อง ก็รู้ว่าคนที่มาหาไว้ใจใครไม่ได้เลยเว้นเสียแต่ว่า verb to เดา  ก็เลยไม่ให้ใครเก็บ นอกจากอดีตภรรยา 
1. เรื่องจริงก็แสดงว่า ผู้เข้าไปศรัทธาอาจารย์ปราโมทย์ไม่น่าไว้วางใจ
2.  ถ้าท่านบอกว่าเป็นเทศนาปาฏิหาริย์ ก็น่าจะเปลี่ยนใจคนที่ไว้ใจไม่ได้ ให้เป็นคนที่ไว้ใจได้ เพราะมันเป็นฌาน เป็นองค์ฌาน  ... อาจจะมีปัญหา เพราะว่าท่านเป็นพระเทพราชา เป็นราชากลับชาติมาเกิด
ชั้นติดใจเรื่องตรงนี้ สมัยนี้มีอรหอย อรหมุน อรหันต์ขอบอ้างตัวเองว่า เป็นชาตินั้นๆ กลับชาติมาเกิด เยอะแยะมากไง
คือข้อกล่าวหาของคุณมีอยู่ 2 ประเด็น คือ เรื่องของทรัพย์สินที่มีเกี่ยวกับเรื่องของกฎหมายบ้านเมือง
ถามว่าทางด้านกฎหมายบ้านเมือง ในกรณีนี้ เมื่อกี้พูดค้างอยู่ว่า ในกรณีที่คุณบริจาคไปแล้วๆ มันไม่ตรงเป้าประสงค์ ถามว่าในหลักกฎหมายบ้านเมือง มีสิทธิ์จะเอาคืนได้ไม๊  ก็ถ้ามันไม่ตรงต่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ แล้วมีข้อสงสัยว่า หรือให้สงสัยได้ว่า ก็สามารถจะฟ้องร้องเอาคืนได้ เทียบได้กับการเวนคืนของรัฐบาล สมมุติว่ารัฐบาลเวนคืนมาเพื่อสร้างทางรถไฟ แล้ววันหนึ่ง รัฐบาลดันไปทำรถไฟฟ้า เจ้าของมีสิทธิ์ฟ้องเรียกคืนได้ ถ้าไม่ตรงเป้าประสงค์ แต่ในกรณีของคุณ อะไรที่คุณบริจาคมา คุณรู้ว่าที่มานะแน่ แต่ไม่รู้ว่าที่ไป ไปอยู่ตรงไหน มันไม่เห็น

การลงทุนในการก่อสร้างใดๆ เกิดขึ้นเลยก็สามารถจะทวงถามเป็นลายลักษณ์อักษร หลังจากทวงถามไปแล้วครั้งหนึ่ง สอครั้ง สามครั้ง ตามพระวินัย ถ้าหากว่าทวงถามแล้ว เค้ายังเพิกเฉย แล้วยังไม่ได้แสดงหลักฐานในการเป็นอยู่ของเงินอย่างชัดเจน อย่างนั้น คุณก็ไปกล่าวโทษร้องทุกข์กับเจ้าพนักงานได้ในทันที

แต่ถ้าคุณยังไม่ได้แสดงตนออกมา ไม่มีการทวงถามเป็นลายลักษณ์อักษร ไม่ได้ไปยืนยันชัดเจนที่มาของทรัพย์สินที่มีอยู่จริง แล้วอยู่ดีๆ จะมาอ้างลอยๆ ก็อาจจะเป็นเหตุสงสัยได้ว่า คุณกำลังจะยัดเยียดข้อหาให้กับพระ  แต่ถ้ามากล่าวลอยๆ เค้าก็จะว่า เอา สาวไส้ให้กากิน คุณอาจจะมีประเด็นว่า อกหัก หลักลอย คอยงาน สังขารเสื่อม พระไม่ดูแล หรือว่าแบ่งปันลาภกันไม่ตรง อาจจะไม่แบ่งปันลาภ แต่แบ่งปันน้ำใจว่าไม่ตรง ว่านั่นจ๊อกแจ๊กกับชีมากไปกว่าชั้นอะไรอย่างนี้หรือเปล่า

ไอ้ที่มันมีปรากฏการสาวไส้ให้กากิน ชั้นมองว่าคนที่เข้าไปแล้วออกมาอย่างผิดหวัง  แล้วก็มาสาวไส้นี่เค้าคิดอะไร แล้วเค้าไปเพื่อต้องการอะไร  แล้วสุดท้ายเค้าได้อะไร แล้วเค้าเสียอะไร แล้ววันนี้เค้าทำอะไร  ถามว่า เราไปหาพระเพื่อต้องการธรรมะ  เราก็แสวงหาแต่ธรรมะ ทำไมต้องไปสนใจตัวบุคคล ถ้าเราได้ธรรมะมาแล้ว ธรรมะนั้นเป็นที่พึ่งของเราได้ ปฏิบัติธรรมนั้นจนเห็นผลได้ ก็คือจบ  ไม่ต้องไปงมงายอะไรเยอะแยะมากมาย แต่ ณ. วันนี้ คนที่เค้าไปหาวัด ไปหาพระ ไปหาอาจารย์ เกจิ หาตัวบุคคล ไม่ใช่หาธรรมะ  มันไปเพราะคนๆ นี้ดัง มีชื่อเสียง มีการโฆษณา โปรโมท หรือมีการเชิญชวน มันก็เลยกลายเป็นว่า เอ๊ เค้าไปเพื่อธรรมะ หรือเค้าเพื่อแสวงธรรม  คือเวลานี้พระมีลาภให้ไง พอพระมีลาภให้ ก็เลยมีคนที่กรูเข้าไป โดยที่ไม่ใส่ใจว่า  สิ่งที่ได้มานั้นถูกหรือผิด ในขณะเดียวกัน อ้ายตัวที่ไม่สมหวัง ไม่สมประกอบ พวกนี้ก็จะมาโวยวาย ตีโพยตีพาย นี่คือส่วนหนึ่งนะ  ไม่ใช่ทั้งหมด  นี่คือปรากฏการที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ไปหาลาภแล้วไม่ได้ลาภ มันจะออกมาโวยวาย ประมาณนี้ จะหาวิธีจับผิด  ชั้นเชื่อว่าท่านปราโมทย์ ท่านคงไม่ได้เจตนาจะพูดผิดหมดทุกคำ ทุกประโยค แต่ประมาณว่า ลูกศิษย์กับอาจารย์ก็อาจจะพูดกันเล่น ๆ บ้าง หยอกล้อกันไป มันเป็นกิริยาของครูกับศิษย์ มันมีหลากหลายมาก แต่ถ้าจะจับให้มันเป็นผิด มันผิดหมดล่ะ

เออ ถ้ามันมองว่า ธรรมดาๆ เรื่องจิ๊บๆ เรื่องขำๆ ก็ไม่มีอะไร  แต่วันนี้เราต้องยอมรับว่า คนที่ออกมาโวยวายส่วนใหญ่ ก่อนหน้านี้ก็เป็นลูกศิษย์ จ๊ะ จ๋ะ ทั้งนั้น จ๊ะจ่า ใช่ครับท่าน ดีครับพี่ ถูกครับผม ประมาณนี้ทั้งนั้น 

ทำไมพระดังๆ ชอบมีปัญหาเพราะคนใน ก๊อกหักไง หลักลอย คอยงาน สังขารเสื่อมอะไรประมาณนี้ ก็คืออาจเป็นว่านักบวชหรือพระองค์นั้น หรือท่านภิกษุรูปนั้นท่านแชร์ความรักไม่เสมอภาค ก็แชร์อารมณ์ แชร์ความใส่ใจไม่เสมอภาค ก็เลยรู้สึกว่าท่านลำเอียง ไม่ใส่ใจ  ให้ได้ แต่ไม่ใช่ตื่นมาก็คนๆ นี้  หลวงปู่กำลังบอกว่ามีปัญหาเพราะการผูกขาด เออ ผูกขาดความรัก คือขาดความรัก  สังเกตดูพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นอย่างนี้

วัดชั้น ชั้นก็มี แล้วทำไมไม่มีเรื่อง  มันไม่มีเรื่องก็เพราะชั้นจะถามเค้าว่า คุณมาวัดนี่คุณต้องการอะไร ถ้าคุณต้องการธรรมะ คุณได้ธรรมะ ชั้นมีธรรมะให้ แต่ถ้าคุณต้องการตัวบุคคล ที่นี่ไม่มี แล้วชั้นก็จะตำหนิแรงๆ ว่า ไปที่ชอบ ที่ชอบ

คนที่ไปวัด อยากให้เปลี่ยนทัศนคติใหม่ ส่วนใหญ่ที่ออกมาโวยวายนี่ความรู้ดีทั้งนั้นนะ เป็นครูบาอาจารย์ทั้งนั้น มันแสดงให้เห็นถึงธรรมชาติความคิดของคุณว่า สิ่งที่คุณเข้าไปนี่ คุณเข้าไปเพื่อธรรมะ หรือคุณเข้าไปเพื่อตัวบุคคล ไปเพราะว่าคุณงมงาย หรือไปเพราะว่าคุณมีสติปัญญา
ในขณะเดียวกัน ในขณะที่คุณเออ ออห่อหมก จ๊ะ จ๋า คุณไม่รู้สึกอายบ้างหรือ รุ่งขึ้นอีกวัน คุณมาด่าเค้าออกสื่อต่างๆ แล้วคุณไปชวนชาวบ้านมาทำบุญ แล้วพอถึงวันนึง คุณก็บอกชาวบ้านว่า อย่ามาทำบุญ อาเงินคืนมา คุณไม่รู้สึกบ้างหรือว่า พฤติกรรมคุณมันสับสน

ถ้าเข้าวัดหาธรรมะ ไม่เข้าวัดสนใจตัวบุคคล ปัญหานี้ไม่เกิด เค้าจะมีคำว่า ชั่วชั่งชี ดีชั่งเถร  แล้วก็จะบอกว่า สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้ดี ชั่ว เลว หยาบ เอ้า ดีที่สุดต่อมาก็คือ ถ้าอาทรต่อส่วนรวม ต่อสังคม ต่อศาสนา เราก็เพียงแค่ไปยืนให้ท่านเห็นว่า ท่านอย่าทำนะ เตือนให้เค้ารู้ว่าคุณอย่าพูดนะ แล้วแสดงตนให้เค้าเห็นชัดว่า  สิ่งที่คุณทำผิดอย่างไรๆ  จบ เท่านั้น อ้ายนี่ ก็คือ ออกมาตีโพยตีพาย มันก็คือแสดงว่า คุณมีเจตนาแอบแฝง  คุณไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปด้วยใจบริสุทธิ์จริงๆ หลวงปู่กำลังบอกว่า เข้าวัดไม่ได้หาธรรม หาบุคคลไง แล้วก็งมงาย แล้วก็ไม่ได้ย่างหวัง ก็เลยสิ้นหวัง พอสิ้นหวัง ก็เลยคิดว่า กูไม่ได้ มึงก็อย่าได้ มันตายกันไปขางหนึ่ง อะไรประมาณนั้น
คือดูเวลาอารมณ์คนให้สัมภาษณ์ ดูอารมณ์ที่คุณอ่านให้ฟัง มันเหมือนกับว่า รู้สึกว่าเค้ามีความอัดอั้น เจ็บแค้นในใจ ไม่ใช่อยากจะมาบอกว่า ที่ถูกคืออะไรด้วยใจเมตตา แต่บอกว่าคือความเจ็บแค้น มันออกมาระบาย

สังคมก็เลยได้คำตอบว่า  อย่างนี้ยังมีอยู่อีกเยอะมาก ถ้าคนเข้าวัดแล้วมีความคิดว่า จะทำแบบนี้ ไปหาเพราะตัวบุคคล ไม่ได้ไปหาเพื่อธรรมะ มันจะมีคนที่ออกมาโวยวายอย่างนี้ แยะมาก  แล้วคนพวกนี้ก็คือ ถ้าพระพุทธศาสนา ตามหลักก็คือ คบไม่ได้ เพราะว่าเป็นเหมือนกับ ต้นคด ปลายเลี้ยว คือไปโดยไม่เจตนาแอบแฝง หรือจะบอกว่า เจตนาบริสุทธิ์ใจ แต่พอไปแล้ว พอเห็นไม่ดี พวกนี้เค้าจะวาง เค้าจะรู้ว่า เออถ้าไม่ดีก็ไม่ไป คุณไม่ดี ชั้นก็ไม่ไหว้ ก็จบ  แล้วก็มีคนอย่างนี้เยอะแยะในแผ่นดินนี้เค้าทำกัน  แต่ในกรณีของคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งอาจจะมีความหวังลึกๆ หวังเล็กๆ หวังน้อยๆ  พอไม่สมหวัง ก็มาแสองพฤติกรรม พูดอย่างนี้ไม่ได้มาเข้าข้างท่านปราโมทย์ ชั้นก็ไม่เคยรู้จักท่าน ใช้วิธีคิดว่าคุณจะเข้าวัดอย่างไรถึงจะได้พระที่สมบูรณ์บริสุทธิ์ ได้ธรรมะจากพระ ไม่ใช่เข้าวัดเพื่อหวังเอาพระ แล้วต้องการพระ ชั้นก็ยังตำหนิพระปราโมทย์อยู่ดีว่า แสดงว่าท่านสอนไม่ดี  ถ้าท่านสอนดี คนที่อยู่รอบตัวท่านคงไม่ออกมาโวยวาย

อยากให้ทุกคนมีความคิดให้มากในเรื่องการสร้างศรัทธา แล้วก็อยู่ในศรัทธาด้วยวิถีที่สัมปยุทธ ด้วยปัญญา  อย่าใช้ศรัทธาที่ไม่มีปัญญาเข้ามาควบกล้ำ   แล้วสุดท้ายคุณก็จะได้เห็นภาพที่ผิดหวังอยู่เรื่อยๆ เนื่องๆ  แล้วนี่ไม่ใช่องค์สุดท้าย แล้วก็ไม่ใช่องค์แรก แล้วก็จะมีต่อไปอีกหลายๆ คน หลายๆ องค์ ถ้าคุณยังเข้าวัดด้วยมีเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ ไม่ตรงแท้ต่อพระธรรมวินัย