Print
Hits: 1017

 

มีข่าวว่าช่วงปีใหม่ปีนี้หลายคนชอบที่จะไปเช็คดวงชะตาของตนเองกับหมอดู

หลายโหรก็ออกมาทำนายชะตาของบ้านเมืองชะตาบุคคลสำคัญ

สื่อหลายสำนักก็นำเอาคำทำนายต่างๆ ของบุคคลต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่นายกรัฐมนตรีของไทยมาเผยแพร่

หลายสื่อก็ตีไข่ใส่สี ใช้ความเป็นสื่อของตนเอง ยัดเยียดให้ผู้ชมได้ซึมซับรับรู้

จนกลายเป็นค่านิยมของกลุ่มผู้อ่อนด้อยสติปัญญา หลงเชื่อตามๆ กันไป คือต้องไปตรวจดวง เช็คดวง ให้ผู้อื่นชี้นำ ทำนายทายทักชีวิตของตนเอง

ทั้งที่ตนก็หายใจเอง ยืน เดิน นั่ง นอน พูด ทำ คิด ได้ด้วยตนเอง กิน ขี้ เยี่ยว ตด ทำทุกเรื่องทั้งหมด ด้วยตนเอง

แต่อนิจจาทำไมต้องมาฝากชีวิตตนเอาไว้บนฟองน้ำลายที่กระดกบนปลายลิ้นของหมอดู

แม้ผู้คนกลุ่มที่หลงเชื่อเหล่านี้จักประกาศตนเองว่าเป็นชาวพุทธก็ตามที

แต่กลับไม่ปฏิบัติตามพระพุทธธรรมคำสอน ของพระบรมศาสดาที่ว่า

อัตตาหิ อัตตโน นาโถ

ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน

แต่กลับไปพึ่งพาอาศัยคำทำนายทายทักของผู้อื่น

หรือพวกเขาจักไม่ได้ศึกษารับรู้ว่า พระบรมศาสดาทรงตรัสสอนว่าจงอย่าหลงเชื่อ ๑๐ ประการ เรียกว่า กาลามสูตร คือ

๑. มา อนุสฺสวเนน - อย่าปลงใจเชื่อด้วยการฟังตามกันมา

๒. มา ปรมฺปราย - อย่าปลงใจเชื่อด้วยการถือสืบ ๆ กันมา

๓. มา อิติกิราย - อย่าปลงใจเชื่อด้วยการเล่าลือ

๔. มา ปิฏกสมฺปทาเนน - อย่าปลงใจเชื่อด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์

๕. มา ตกฺกเหตุ - อย่าปลงใจเชื่อเพราะตรรกะ (การคิดเอาเอง)

๖. มา นยเหตุ - อย่าปลงใจเชื่อเพราะการอนุมาน (คาดคะเน)

๗. มา อาการปริวิตกฺเกน - อย่าปลงใจเชื่อด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล

๘. มา ทิฎฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา - อย่าปลงใจเชื่อเพราะเข้ากันได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว

๙. มา ภพฺพรูปตา - อย่าปลงใจเชื่อมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้

๑๐.มา สมโณ โน ครูติ – อย่าปลงใจเชื่อเพราะนับถือว่าท่านสมณะนี้ เป็นครูของเรา

คำสอนนี้ดูเหมือนจักใช้ไม่ได้กับคนไทยหลายคนในสมัยนี้จนทำให้มีข่าวการหลอกลวง ต้มตุ๋น กันในโลกโซเชียลอยู่เป็นระยะๆ ตลอดเวลา

ไม่เว้นแม้แต่สารพัดข่าวลือ ข่าวปลอม ก็ทำให้คนเชื่อได้

พุทธะอิสระ จึงใคร่จักย่ำเตือนให้ท่านทั้งหลายได้ทบทวนพฤติกรรมความเชื่อของพวกเราดูกันหน่อยว่า มันถูกต้องตรงต่อหลักคำสอนของพระบรมศาสดาหรือไม่

สิ่งสำคัญหากเชื่อแล้วมันจักทำให้เราฉลาด มีสติปัญญาเจริญขึ้นหรือไม่

อยากให้ผู้ที่ชอบเชื่อทั้งหลาย ลองตั้งคำถามกับสิ่งที่ตนเอง เชื่อดูบ้างว่า

มันทำให้ปัญหาหมดไปได้ไหม

มันช่วยแก้ปัญหาที่มีอยู่เดิมได้หรือไม่

มันทำให้ความทุกข์เราลดน้อยลงหรืออย่างไร

และหากเชื่อแล้วมันทำให้ชีวิตเราฉลาดขึ้น สะอาดขึ้น สว่างขึ้น สงบขึ้น หรือไม่

หากไม่แล้ว นั้นน่าจะไม่ใช่ความเชื่อที่ถูกต้อง

หากท่านทั้งหลายรู้จักตั้งข้อสงสัยในสิ่งที่ท่านเชื่อแบบนี้

การต้มตุ๋น หลอกลวง ผิดพลาด ขลาดเขลา หลงงมงาย รู้ไม่จริง คงจักไม่เกิดขึ้นแก่ท่านทั้งหลายเป็นแน่

ถ้าไม่แน่ใจ ระวังใจไม่ได้ ว่าจะตกเป็นเหยื่อของความเชื่อไปเมื่อไหร่

ก็ลองท่องคาถาที่ว่า

สุนักขัตตัง สุมังคะลัง เวลาที่ท่านประพฤติชอบ ชื่อว่า ฤกษ์ดี มงคลดี

สุปะภาตัง สุหุฏฐิตัง สว่างดี รุ่งเรืองดี

สุขะโณ สุมุหุตโต จะ วันดี และเวลาดี

สุยิฏฐัง พรัหมะจาริสุ การบูชาที่ดีในพรหมจารี บุคคลทั้งหลาย

ปะทักขิณัง กายะกัมมัง การยกรรม เป็นประทักษิณส่วนเบื้องขวา

วาจากัมมัง ปะทักขิณัง วจีกรรม เป็นประทักษิณส่วนเบื้องขวา

ปะทักขิณัง มะโนกัมมัง มโนกรรม เป็นประทักษิณส่วนเบื้องขวา

ปะณิธี เต ปะทักขิณา ความปรารถนาของท่าน เป็นประทักษิณส่วนเบื้องขวา

ปะทักขิณานิ กัตวานะ หมู่สัตว์ทั้งหลาย กระทำดีกรรมดีอันเป็นประทักษิณ

ละภันตัตเถ ปะทักขิเณ ย่อมได้ประโยชน์ คือกรรมดี อันเป็นประทักษิณส่วนเบื้องขวาแล.

จำไว้ว่า ชาวพุทธะที่แท้ ต้องมีปัญญาเห็นชอบ รู้ชัดตามความเป็นจริงเท่านั้น

พุทธะอิสระ