หลายวันมานี้มัวแต่เขียนเรื่องของแม่อยู่เสียหลายวัน จึงไม่ได้เขียนประวัติพระกุมารกัสสปะเถระเลย
วันนี้เรามาติดตามประวัติท่านพระกุมารกัสสปะกันต่อ
ตอนที่แล้วจบลงตรงที่พระกุมารรกัสสปะ ได้รู้ความจริงว่าตนนั้นมิใช่บุตรของพระราชาปเสนทิโกศล เป็นเพียงแค่เด็กที่เกิดจากนางภิกษุณีกุลธิดา ที่องค์ราชาปเสนทิโกศลขอมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม เพื่อช่วยเปลืองภาระในการเลี้ยงดูบุตรของนางภิกษุณีกุลธิดา
กุมารกัสสปะ เมื่อได้รู้ความจริงก็เกิดความสลดสังเวชในชะตากรรมของตน พร้อมทั้งต้องการจะไปอยู่ใกล้กับมารดาของตนที่เป็นภิกษุณี
จึงได้ขอพระราชานุญาตออกบวชในสำนักของพระบรมศาสดา องค์ราชาปเสนทิโกศลจึงได้นำกุมารกัสสปะไปขอบรรพชาเป็นสามเณร
องค์สมเด็จพระบรมศาสดาทรงมีพุทธานุญาตให้บรรพชา
ขณะที่สามเณรกัสสปะเมื่อบวชแล้ว ก็ได้ไปเยี่ยมเยือนภิกษุณีกุลธิดา ผู้เป็นมารดาของตนเป็นระยะๆ ซึ่งภิกษุณีมารดาก็ให้โอวาทสอนกุมารกัสสปะ ว่า
จงตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เร่งปฏิบัติสมณกิจให้เจริญ
สามเณรกัสสปะจึงได้ขยันหมั่นเพียรที่จะเล่าเรียนพระธรรมวินัย และพระกรรมฐาน จากพระบรมศาสดาและพระอาจารย์ทั้งหลาย ในสำนักวัดเชตวนาราม
เมื่ออายุครบ ๒๐ จึงได้อุปสมบทในสำนักของพระบรมศาสดา
เมื่อบวชแล้วจึงได้ทูลลาปลีกตัวไปหาที่สงัดในป่า เพื่อทำความเพียร ไม่นานนักก็ได้บรรลุพระโสดาบัน แล้วจึงกลับมาขอเรียนกรรมฐานเพิ่มเติม แล้วกลับไปบำเพ็ญเพียรอย่างอุกฤษฏ์ต่อเนื่องในป่า
ขณะนั้นมีท้าวมหาพรหมในชั้นสุทธาวาส ที่อดีตชาติเกิดเป็นสหายปฏิบัติสมณธรรมร่วมกันมา ในศาสนาของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า กัสสปะ พรหมองค์นี้ได้บรรลุเป็นพระอนาคามี
ครั้นสิ้นอายุขัยแล้วจึงได้ไปเกิดอยู่ในพรหมโลกชั้นสุทธาวาส
เมื่อพระกุมารกัสสปะกำลังคร่ำเคร่งอยู่กับการปฏิบัติธรรมอย่างจริงๆ จังๆ แต่ก็ยังมิได้บรรลุถึงอรหันตผลเสียที
สุทธาวาสพรหม จึงได้เหาะลงมาตั้งปัญหา ๑๕ ข้อ เพื่อให้พระกุมารกัสสปะได้บรรลุอรหันต์
ด้วยการให้พระกุมารกัสสปะนำปัญหาทั้ง ๑๕ ข้อ ที่องค์พรหมผูกขึ้นนั้นไปทูลถามต่อองค์พระผู้มีพระภาคเจ้า
ต่อมาพระกุมารกัสสปะ จึงได้ไปเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา แล้วทูลถามปัญหาทั้ง ๑๕ ข้อความว่า
ภันเตภะคะวา ข้าแต่องค์พระบรมศาสดาผู้ประเสริฐ อย่างไรจึงชื่อว่า จอมปลวกเล่าพระพุทธเจ้าข้า
องค์พระบรมศาสดาจึงทรงตรัสตอบว่า
จอมปลวก หมายถึง ร่างกายนี้ ด้วยเหตุที่จอมปลวกเกิดจากตัวปลวกนำดินมาผสมน้ำลาย แล้วสร้างเป็นรังที่อยู่ฉันใด
ร่างกายนี้ล้วนเกิดจากการมีบิดา มารดา เป็นแดนเกิดฉันนั้น
จอมปลวกมีรูพรุนอยู่ภายในเป็นที่อาศัยเดินทางของตัวปลวกฉันใด
ร่างกายนี้ก็มีรูพรุนอันได้แก่ ทวารทั้ง ๙ และรูขุมขนไปทั่วตัว เป็นที่อยู่อาศัยของเชื้อรา เชื้อโรคฉันนั้น
พระกุมารกัสสปะจึงได้ทูลถามปัญหาข้อที่ ๒ ว่า
ข้าแต่องค์พระผู้มีพระภาคเจ้า อะไรเล่าชื่อว่า กลางคืนเป็นควัน
พระบรมศาสดาทรงตรัสตอบคำว่า กลางคืนเป็นควัน นั้นหมายถึง การย้ำทำย้ำคิดอยู่ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือสารพัดเรื่องที่เป็นสัพเพเหระ แต่หาสาระมิได้ คืนทั้งคืนมัวแต่ตรึก วิตก วิจารณ์ ครุ่นคิดอยู่เช่นนั้นจวบจนสว่าง
เช่นนี้ชื่อว่า กลางคือเป็นขวัญ
ข้าแต่องค์พระผู้มีพระภาคเจ้า อะไรเล่าชื่อว่า กลางวันเป็นไฟ เล่าพระพุทธเจ้าข้า
ดูกรภิกษุ คำว่า กลางวันเป็นไฟ หมายถึง การรีบเร่ง คิด ทำ พูด อย่างรีบร้อน รีบเร่งจนบุคคลผู้คิด ผู้พูด ผู้ทำ ต้องตกอยู่ในความเร่าร้อน ทุรนทุราย
เช่นนี้ชื่อว่า กลางวันเป็นไฟ
 
จบไว้แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ
 
พุทธะอิสระ