หลายคนอาจจะขัดลูกตา แปลกใจ ว่าด้วยพฤติกรรมของคนทั้งสองที่แสดงออกในเชิงลบ กับสถาบันหลักของชาติมาโดยตลอด เช่น สถาบันพระมหากษัตริย์
แต่ถ้าหากเขาได้เข้าถึง ๑ ใน ๓ สถาบันหลักได้อย่างจริงใจ เช่น ศาสนา เขาทั้งสองก็น่าที่จะได้ซึมซับเอาความมีสติ ระลึกรู้จักละอายชั่วเกรงกลัวต่อบาปกรรมที่ตนได้เคยกระทำเอาไว้ และคุณธรรม ความกตัญญูรู้คุณ กตเวทิตาตอบแทนคุณแผ่นดิน
ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี และอนุโมทนา ที่เขาทั้งสองสามารถทำได้ แม้จะดูผิดหูผิดตา ผิดจากความรู้สึกและตัวบทกฎหมาย
แต่การเข้าถึงคุณศีล คุณธรรม ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ของปัจเจกชน
ทุกคนมีสิทธิ์และสามารถเข้าถึงได้ แม้จะดูแล้วรู้สึกไม่ชอบใจ ไม่ถูกต้อง แต่ก็อยากให้ท่านทั้งหลายมองว่า น่าจะเป็นเรื่องดีที่คนๆ หนึ่งสามารถได้เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา
ไม่ว่าคนๆ นั้นจะมีกำพืดหรือประวัติความผิดพลาดประการใดๆ มา
หากไม่ผิดหลักธรรม หลักวินัยแล้ว ก็ไม่ควรจะไปสกัดขัดขวาง ให้เขาเสียศรัทธา มันเป็นความผิดบาป
ประเด็นมันอยู่ที่ว่า บวชเข้ามาแล้วทำอะไรบ้าง เรียนอะไรบ้าง รู้อะไรบ้าง และเข้าใจแจ่มแจ้งในอะไรบ้าง
การที่แกนนำ ๓ กีบ ได้มีโอกาสเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา พุทธะอิสระมองว่าน่าจะเป็นเรื่องดี เป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่คนรุ่นใหม่ ที่มีอคติต่อศาสนา ให้หันกลับมาสนใจ ใส่ใจ ศรัทธาในพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา
เพราะทุกวันนี้ จะหาคนรุ่นใหม่เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนาก็ยากเสียกว่าหาเพชรในมหาสมุทร
แต่ละวัดจะมีพระเณรเข้ามาบวชจำพรรษา ก็มีน้อยเต็มที บางวัดมีพระบวชจำพรรษารวมสมภาร นับได้ไม่ถึง ๕ รูป ไม่พอที่จะรับกฐินด้วยซ้ำ
หากแกนนำ ๓ กีบ ทั้งสองเข้ามาบวช ในพระธรรมวินัยเช่นนี้ ก็น่าจะเป็นเรื่องดีๆ แก่พระพุทธศาสนา
ส่วนที่มีผู้สงสัยว่า จะผิดกฎหมาย ผิดพระธรรมวินัยหรือไม่ ?
เอาไว้ว่ากันอีกที
แต่ก็อยากจะบอกท่านผู้มีอำนาจทั้งหลายว่า หากจะเอาแต่รักษากฎหมาย แต่ไม่สนใจผู้สืบทอด อายุขัยของพระธรรมวินัย สุดท้ายก็คงจะเหลือแต่วัดกับพระพุทธรูปเท่านั้นแหละ
หรือไม่ก็เหลือแต่พระแก่ๆ เฝ้าวัด
ส่วนเรื่องผิดกฎมหาเถรสมาคม ในหมวดใดหมวดไหน ก็ให้มหาเถรสมาคมและสำนักงานพระพุทธศาสนาเขาไปว่ากันเอาเอง
 
พุทธะอิสระ