วัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) ต.ห้วยขวาง อ. กำแพงเสน จ.นครปฐม

พระมหาพุทธพิมพ์นาคปรก "พระปกเกล้า ปกแผ่นดิน"

ในปี ๒๕๕๒ หลวงปู่พุทธะอิสระ ได้มีดำริให้มูลนิธิธรรมอิสระและวัดอ้อน้อยจัดสร้างพระนาคปรก  “ปกเกล้า ปกแผ่นดิน”  เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙  และเพื่อปกป้องคุ้มครองแผ่นดินไทยและราชวงศ์จักรี  ณ. วัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม

 

 

พุทธลักษณะ
พระมหาพุทธพิมพ์นาคปรก “พระปกเกล้า ปกแผ่นดิน”เป็นพระพุทธรูปศิลปะสมัยสุโขทัย ประทับนั่งขัดสมาธิเพชรพระหัตถ์ขวาประทานพร มีพญานาคปรก ๙ เศียร  องค์พระมหาพุทธพิมพ์หน้าตักกว้าง ๑๓.๘๐ เมตร ความสูง ๑๙.๖๕ เมตรความสูงรวมพญานาค ๖๕.๒๕ เมตร  หล่อด้วยบรอนซ์สำริดจากประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นวัสดุที่มีความคงทนพิเศษนับ ๑,๐๐๐ ปี  พระเนตรประดับด้วยไพลินสีน้ำเงิน (Blue sapphire) และมุกดา พระอุณาโลม ทำจากพลอยเขี้ยวหนุมาน (Quartz)  น้ำหนักรวม ๕,๐๐๐ กะรัต

 


 

ประวัติความเป็นมาในการสร้างโดยย่อ

ในปี ๒๕๕๒ หลวงปู่พุทธะอิสระ ได้มีดำริให้จัดสร้างพระนาคปรก “ปกเกล้า ปกแผ่นดิน”  เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙  และเพื่อปกป้องคุ้มครองแผ่นดินไทยและราชวงศ์จักรี

วันที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ได้จัดพิธีเททองหล่อพระเกตุมาลา และยกองค์พระนาคปรกขึ้นประดิษฐาน ณ อาคารพระนาคปรก หน้าวัดอ้อน้อย

 

 

ในปี ๒๕๖๐ ได้มีการรื้อถอนพระนาคปรกองค์เดิมลงมาเพื่อจัดสร้างพระนาคปรกองค์ใหม่  เนื่องจากพบปัญหาการหล่อองค์พระจากวัสดุทองเหลืองและทองแดงแต่ละชิ้นส่วนมีคุณภาพไม่เท่ากันอาจเป็นเหตุให้องค์พระแตกร้าวสึกกร่อน คณะสงฆ์จึงมีมติให้จัดสร้างองค์พระนาคปรกองค์ใหม่ด้วยวัสดุบรอนซ์สำริด โดยจ้างโรงหล่อเอเชีย ไฟน์ อาร์ท ซึ่งชำนาญงานด้านประติมากรรมเป็นผู้ดำเนินการ 

 

 

วันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ หลวงปู่พุทธะอิสระ เป็นประธานพีธีหล่อพระเกศ และพระศก ๓๕๐ องค์ เพื่อนำมาติดที่พระเศียรพระนาคปรก “ปกเกล้า ปกแผ่นดิน” 

 

 

วันพุธที่ ๕ ธันวาคม  ๒๕๖๑หลวงปู่พุทธะอิสระ ได้จัดพิธียกองค์พระนาคปรก “ปกเกล้า ปกแผ่นดิน” ขึ้นประดิษฐานบนแท่นบุษบกโลหะ บนอาคารพระนาคปรก ติดกับโรงเจหอคุณธรรมฟ้า 


 

วันอาทิตย์ที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ องค์พระนาคปรกฯ  เดินทางมาถึงวัดอ้อน้อยโดยใช้รถเทรลเลอร์ขนาดใหญ่ ๖ คัน มีพิธีบวงสรวงเทวดาฟ้าดินรับพระมหาพุทธพิมพ์นาคปรก “ปกเกล้า ปกแผ่นดิน” ณ วัดอ้อน้อย 


 

การก่อสร้างองค์พญานาค ๙ เศียร

วันเสาร์ที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๕  ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๙  เวลา ๐๙.๐๙ น. หลวงปู่พุทธะอิสระ เป็นประธานในพิธีบวงสรวง และลงเสาเข็มฐานรากขององค์พญานาค ๙ เศียรนับเป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินการก่อสร้างองค์พญานาคซึ่งมีความสูง ๖๕.๒๕ เมตร จากฐานชั้นหนึ่ง  โดยองค์หลวงปู่ได้มอบหมายให้คุณเสถียร วงษ์ขวัญเมือง มูลนิธิธรรมอิสระ และลูกศิษย์จากบริษัท ช.การช่าง - โตกิว คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นผู้ดำเนินงาน 

 

 

มูลนิธิธรรมอิสระ ได้คัดเลือก บริษัท ฮิปโป เมคคานิคอล จำกัด เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการออกแบบและก่อสร้าง โดยได้รับความเห็นชอบจากหลวงปู่พุทธะอิสระ ให้ดำเนินการก่อสร้าง กำหนดวันลงเสาเข็มต้นแรกพร้อมพิธีบวงสรวงในวันเสาร์ที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๕
 

พระมหาพุทธพิมพ์นาคปรก “พระปกเกล้า ปกแผ่นดิน” เป็นพระปางนาคปรกที่มีขนาดใหญ่ทีสุดในเอเชีย จึงมีการคำนวนน้ำหนักและออกแบบฐานรากใหม่เสริมรับน้ำหนักร่วมกับฐานพระเดิม สามารถรองรับน้ำหนักองค์พระและโครงสร้างองค์พญานาครวมทั้งแรงลมประทะได้อย่างมั่นคงแข็งแรง โดยได้เพิ่มเติมเสาเข็มเส้นผ่าศูนย์กลาง​  ๐.๖๐​ ม.​ รับน้ำหนักปลอดภัยไม่น้อยกว่า​ ๕๐​ ตัน/ต้น​ จำนวน​ ๑๐๒​ ต้น สามารถรองรับน้ำหนักรวมได้ทั้งหมด​ ๕,๑๐๐​ ตัน

 


ประวัติของพญามุจลินท์นาคราชแผ่พังพานถวายพระพุทธเจ้า 

        ปรากฏในพุทธประวัติ และพระพุทธรูปปางนาคปรก โดยพญามุจลินท์นาคราชเป็นผู้แผ่พังพานปกป้องพระสมณโคดมเมื่อเกิดพายุฝนเป็นเวลา ๗ วัน ขณะที่ทรงเสวยวิมุตติสุขในสัปดาห์ที่ ๖หลังการตรัสรู้ พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จไปประทับนั่งขัดสมาธิที่ใต้ต้นมุจลินท์หรือต้นจิก 

        ทรงเสวยวิมุติสุขอยู่ ณ ที่นั้นอีก ๗ วัน ในกาลนั้นฝนตกพรำตลอด ๗ วัน  พญานาคมีนามว่ามุจลินท์นาคราช พำนักอยู่ที่สระโบกขรณีใกล้ต้นมุจลินท์นั้น มีความเลื่อมใสในพระศิริวิลาศ
พร้อมด้วยพระรัศมีโอภาสอันงามจึงเข้าไปใกล้แล้วขดเข้าซึ่งขนดกาย แวดวงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ ๗ รอบ และแผ่พังพานอันใหญ่ป้องปกเบื้องบนพระเศียรมิให้ลมและฝนถูกต้องพระวรกายของพระผู้มีพระภาคเจ้า

        ครั้นล่วง ๗ วัน ฝนหายขาดแล้ว พญานาคก็คลายขนดจำแลงกายเป็นมานพ เข้าไปถวายอัญชลีเฉพาะพระพักตร์ พระผู้มีพระภาคทรงเปล่งอุทานว่า 

"ความสงัดเป็นสุข สำหรับบุคคลผู้มีธรรมอันเห็นแล้ว ยินดีอยู่ในที่สงัด รู้เห็นตามความเป็นจริง ความไม่เบียดเบียน คือความสำรวมในสัตว์ทั้งหลาย และความปราศจากความกำหนัด คือความล่วงกาม
ทั้งหลายเสียได้ด้วยประการทั้งปวง เป็นสุขในโลก ความนำอัสมิมานะ คือความถือตัวออกให้หมดไปเป็นสุขอย่างยิ่ง”

 

155 | 22 กรกฎาคม 2024, 20:12
บทความอื่นๆ