15 ม ค 2555  บ่าย  ณ. โรงพยาบาลทหารเรือ ถอดซีดีธรรมะ แสดงธรรม  โดยองค์หลวงปู่พุทธะอิสระ

 ก่อนจะปฏิบัติธรรม
• 1. ขอศีล ด้วยการกล่าว มะยัง ภันเต....
• 2. นมัสการพระพุทธเจ้า ด้วยการว่าตามพระสงฆ์ นะโม ตัสสะ....
• 3. บูชาพระรัตนตรัย ด้วยการกล่าว พุทธัง สะระณัง......ธัม

มัง.....สังฆัง.....
• กระบวนการปฏิบัติธรรม มันอยู่ที่กระบวนการทำกาย วาจาให้ปกติ           

                 
• 4. พระแสดงศีล บอกศีล                                                 
• ถ้าเรายังไม่ดีถึงขั้นที่เทวดาจะอาศัยเรา เราก็ต้องอาศัยเทวดาไปก่อน          

      งั้น ก็ไหว้ไปเถอะ พระ เจ้า น่ะ มีโอกาสไหว้ ก็ไหว้ ไหว้ มันไม่ได้เสียหาย       
• แต่เราจะบูชา เราจะไหว้แบบไหน ทำให้เรารุ่งเรืองเจริญ แล้วก็ชาญฉลาด

องอาจ สง่างาม ก็อย่าเอาแต่ไหว้โดยไม่ใช้สติปัญญา
• เพราะดีมันอยู่ที่คน อยู่ที่คนทำดี ไม่ใช่อยู่ที่ให้มาโปรโมทดี โฆษณาดี หรือ

ให้คนมาดูดี
• ธุดงค์ มันเป็นเครื่องขัดเกลากิเลส
• คนดีไม่ต้องไหว้เจ้า  เจ้าไหว้                                                              

                                                                 แต่คนไม่ดี ต้องขยันไหว้ ไหว้บ่อยๆ แล้ว

เดี๋ยวจะดี เพราะมันทำให้เราอย่างน้อย                                                                  

เจ้าจะได้ช่วยเหลือ บำรุง ดูแล รักษา ทะนุถนอม อุปถัมภ์ค้ำชู บ้าง
• ปีนี้ ถึงเวลาที่จะหล่อพญานาค เพราะว่ามันเป็นปีชงของพญานาค
เจริญธรรม เจริญสุข ท่านสาธุชนคนดีที่รักทุกท่าน
จะบอกว่า สวัสดีวันเด็ก  ก็ที่นั่งอยู่ก็ไม่ใช่แล้ว แต่เมื่อวานเด็กจริงๆ เด็กเต็มวัด เต็มบ้านเต็ม

เมือง แจกตังค์จนน่วมไปหมดทั้งตัว เปลี้ยไปหมด วัดเราก็กว้าง แคบไปถนัดใจ                 

                                   
มีเด็ก ก่อนจะขึ้นเวทีตอนเช้าๆ ไปดูเด็กเล่นเกม เค้าก็เดินขบวนมาหา 4-5 คน มาถาม

ปัญหา                      ไม่รู้เค้าไปเล่นเกมถามปัญหาที่ไหนมา เค้ามาถามหลวงปู่ว่า  เค้าไม่

เรียกหลวงปู่  เพราะเค้าไม่รู้จัก
หลวงพี่ ทำไมก่อนจะปฏิบัติธรรม ต้องไหว้พระ สวดมนต์ รับศีล มีคำอธิบายอะไร
เราก็เลยบอกว่า เดี๋ยวเอาไว้หลวงปู่ตอบในรายการโทรทัศน์ช่อง 5            

                                                     ไปติดตามดูวันไหน เปิดทุกวันก็แล้วกัน จำไม่ได้ว่า

วันไหนบ้าง                                                           ก็ถือโอกาสเอาคำถามและปัญหาที่

เด็กถามมาตอบในรายการนี้
นี่รายการอะไร
วิถีธรรม วีถีไทย ครับ
Producer ไม่ยกป้าย ยก...เลย เลยไม่รู้รายการอะไร มันหลายรายการมาก       

                                     รายการวิถีธรรม วิถีไทย ท่านผู้รับชมรายการทราบไม๊ว่า          

                                                                              มีคำถามของเด็กเยาวชนในวัน

เด็กเค้าถามมาว่า ทำไมก่อนจะปฏิบัติธรรม ต้องมีการไหว้พระ รับศีล รักษาศีล สวดมนต์

อะไรอย่างนี้ เป็นเรื่องเป็นราวมาอย่างไร มีความสำคัญอย่างไร
ที่จริง แต่ละเรื่อง แต่ละหัวข้อ มีตวามสำคัญ
ตัวอย่างเช่น เราเริ่มสมาทานศีลเบื้องต้นนี่ เวลาเราจะเข้าไปหาพระ                                  

                            ก่อนจะไหว้พระ สวดมนต์ หรือทำอะไร                                         

                                                                เราต้องขอศีลจากท่านก่อน
ทีนี้ คนไทยเราสับสน มาถึงก็ นะโม ตัสสะ  อะระหัง สัมมา ว่าพร้อมเสร็จ                         

                   แล้วก็มารับศีล
ที่จริงน่ะ นะโม ตัสสะ อะระหัง สัมมา มันว่าทีหลัง มะยัง ภันเต                                       

                                 อย่างที่พวกคุณว่ากันเมื่อครู่นี้ พอเจอหน้าชั้น ก็ มะยัง ภันเต วิสุง

วิสุง.....
ถามว่า เพื่ออะไร
เพื่อให้พระได้สอนพฤติกรรม กิจกรรม และธรรมเนียมในวินัยกรรม                               

                                    ที่ควรจะรับรู้ รับทราบ ก่อนเบื้องต้นที่ควรจะรับรู้                     

                                                                         ก็คือ ศีล มันช่วยรักษากาย วาจา ให้

ปกติ                                                                                    พฤติกรรมทางกายก็

ปกติ พฤติกรรมทางวาจา ก็ปกติ
คนปกติเนี่ย พร้อมที่จะรับรู้ รับเรียน รับทราบ และศึกษา                                              

                                                       อ้ายคนผิดปกติ รู้อะไร ก็ไม่ได้ รับอะไร ก็ไม่ได้

ศึกษาอะไร ก็ไม่ได้                                                         เพราะงั้น พระจึงต้องดัดให้

เราเป็นคนปกติเสียก่อน                                                                                        

เมื่อเรามีศีล เรียกว่า มี กาย วาจา อันปกติแล้ว ทีนี้ ก็เริ่มสอน                                         

                           สอนอะไร สอนให้ไหว้พระพุทธเจ้า                                                

                                                                 เรียกว่า คำ นมัสการพระพุทธเจ้า ว่า นะโม

ตัสสะ.... อย่างนี้เป็นต้น
จริงๆ คนโบราณ คำว่า นะโม ตัสสะ เค้ามีคำแปลพร้อมเสร็จว่า พระพุทธเจ้าทรงพระคุณ

อันประเสริฐอย่างไร ผู้ที่ท่องตามหรือปวารนาตาม หรือบูชาตาม                                     

                                         ก็จะได้ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้าไปด้วย ต่อมาไหว้พระ

พุทธเจ้าแล้ว                                                                        ก็บูชาพระรัตนตรัย เข้า

ถึงองค์แห่งพระรัตนตรัย เป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง เรียกว่า                                                   

                                       พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ   ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ   สังฆัง

สะระณัง คัจฉามิ                                                  แปลเป็นใจความว่า ข้าพเจ้าขอถึง

พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะ เป็นที่พึ่งตลอดชีวิต อย่างนี้เป็นต้น
นี่คือ ความหมายที่เราควรจะต้องรู้ ต้องเข้าใจ                                                              

                                 เมื่อเข้าใจความหมายนี้แล้ว ถามว่า หลักการปฏิบัติธรรม มันอยู่

ตรงไหน                                             กระบวนการปฏิบัติธรรม มันอยู่ที่กระบวนการ

ทำกาย วาจาให้ปกติ                                                                                               

 เมื่อใดที่เรามีกาย วาจาอันปกติ                                                                                

                                        นั่นคือ การปฏิบัติธรรม                                                   

                                                                           แล้วทีนี้ เมื่อมีกาย วาจาปกติแล้ว

เราก็มีจิตอันปกติด้วย                                                                                  นั่นคือ

การภาวนา                                                                                                            

                                          การสาธยาย การสวดมนต์ การว่าตามคุณพระที่สอนสั่ง

อบรม จิตเราก็จะปกติ                                       เหล่านี้แหละ คือ กระบวนการปฏิบัติ

ธรรม                                                                                           เมื่อว่า พุทธัง 

....ธัมมัง.... สังฆัง..... ครบวาระที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 แล้ว                     

                                                  พระเค้าจะสอนว่า อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ          

                                                                                    นั่นก็เริ่มต้นจากการแสดงศีล

บอกศีล หลักปฏิบัติของ กาย วาจา แล้วก็ทำให้จิตปกติอย่างไร
ก็พัฒนาเป็นลำดับขั้นขึ้นไปเรื่อยๆ ยิ่งๆ ขึ้นไป                                                             

                     รวมความแล้ว การไหว้พระก็ดี สวดมาต์ก็ดี รับศีลก็ดี                               

                                                           มันเป็นกระบวนการหนึ่งในการปฏิบัติธรรม

มันไม่ได้แยกออกจากกัน                                                        เราจะเห็นว่า เออ ชั้น

ไม่ไหว้พระได้ไม๊ ชั้นไม่สวดมนต์ได้ไม๊                                                                     

                         ชั้นไม่รับศีลได้ไม๊ ชั้นขอปฏิบัติธรรมเลยได้ไม๊
แล้วธรรมอะไรที่เราปฏิบัติล่ะ                                                                                   

                               ธรรมอะไรที่เราจะปฏิบัติ
ก็เมื่อกายเราผิดปกติ วาจาเราผิดปกติ แล้วใจเราก็สับสนว้าวุ่น                                         

                                      แล้วเราจะปฏิบัติธรรมข้อไหน                                            

                                                                                เพราะงั้น ศีลมันจึงเป็นเครื่อง

ชำระล้างกาย วาจาให้ปกติ                                                                               เพื่อ

จะไปรักษาใจ ให้นิ่งสงบระงับได้ในระดับหนึ่ง                                                             

                      เพราะงั้น กระบวนการไหว้พระ สวดมนต์ สมาทานศีล รับศีล                    

                                                            ทั้งหมดเนี่ย มันเป็นเครื่องกรอง เครื่องกลั่น

เครื่องชักนำ เครื่องจูงใจ เครื่องขัดเกลา กาย วาจา                    เป็นเครื่องปรับสมดุลย์

ของพฤติกรรมตน ให้เหมาะสมต่อสถานการณ์ และหน้าที่การงาน                                

ที่กำลังจะทำ ให้ถูกต้องชอบธรรม ไม่ใช่เรื่องนอกเหนือจากความผิดปกติ หรือ เรื่องนอก

เหนือ            จากหลักธรรมใดๆ แต่มันไปรวมอยู่ในเรียกว่า บูรณาการอยู่ในการปฏิบัติ

ธรรม
หลายคนอาจจะไม่ให้ความสำคัญกับการไหว้พระ สวดมนต์                                            

                                 ไม่ให้ความสำคัญต่อการอารธนาศีล สมาทานศีล ไม่ให้ความ

สำคัญต่อการรับศีล                                               ที่จริง มันเหมือนกับต้นไม้ที่ไม่มี

แผ่นดินอยู่ ต้นไม้ที่...อยู่ มันก็อยู่ไม่ได้                                                      มันก็

ย่อมไม่มีต้นไม้ฉันใด                                                                                             

                  งั้น ธรรมะมันจะเกิดขึ้นได้ ต่อเมื่อกาย วาจา ปกติ                                      

                                            ธรรมะจะดำรงตั้งมั่นอยู่ได้ ต่อเมื่อเราต้องมีศีล                 

                                                                         ธรรมะจะดำรงรุ่งเรือง เจริญอยู่ได้

ต่อเมื่อเรามีวาจาอันสงบระงับ                                                                    แล้วจิตใจ

เราก็สงบระงับตามไปด้วย
งั้น หลายคนอาจจะสงสัย ทำไม ต้องวุ่นวาย ยุ่งยาก                                                       

                                    มาถึงก็นั่งหลับตาภาวนา                                                      

                                                                             ยุบหนอ พองหนอ                     

                                                                                                                     นะ

โม พุทธายะ                                                                                                         

                                       สัมมา อะระหัง
ก็จบล่ะ ทำไมต้องมาบูชาพระ อาราธนาศีล รับศีล สวดมนต์ ภาวนา เยอะแยะมากมาย
นั่นเป็นกิจกรรมเบื้องต้น เป็นพฤติกรรมเบื้องต้น                                                          

                                         เป็นหลักเบื้องต้นที่จะน้อมนำเรา กาย วาจา และจิตใจ เข้า

ไปสู่ธรรมะขั้นสูงๆสืบไป                                        แล้วถามว่า เราไม่ให้ความสำคัญ

กับมันได้ไม๊                                                                                                 ได้ 

ถ้าเราแข็งแรงพอ ถ้าเราแกร่งกล้า แข็งแรง                                                                 

                             แล้วก็องอาจ กล้าหาญ พอที่เราจะปฏิเสธเรื่องเล็กๆ น้อยๆ                 

                                                        เพราะเราทำเรื่องใหญ่โตมโหฬารไว้เยอะแยะ

มากมายแล้ว                                                                          แต่อย่าลืมว่า พระอริย

เจ้า พระอริยบุคคลเบื้องต้น คือ พระโสดาบันต้องมีศีลนะ                                        

พระโสดาบันศีลขาด เรียก พระโซดานะ ไม่เรียกว่า โสดา                                              

                                พระโสดาบันนี่ต้องมีศีล ต้องรักษาศีล รักษาศีลเท่ากับชีวิตของตน    

                                                             แล้วศีลอะไรบ้างที่พระโสดาบันจะรักษา ศีล 5

                                                                                                      ศีล 5 ต้องมี  

                       งั้น จะเป็นอริยบุคคลเบื้องต้น ต้องรักษาศีล ต้องมีศีล รักษาเท่ากับชีวิต       

                                                      เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว เราจะปฏิเสธการรับศีลได้ไม๊   

                                                                                      ไม่ได้ ปฏิเสธไม่ได้

เหมือนกับต้นไม้ปฏิเสธดิน มันก็ไม่สามารถจะงอกงามไพบูลย์ เจริญเติบโต อาจจะบอกว่า

เดี๋ยวนี้ เค้าไม่ปลูกบนดินแล้ว ปลูกในน้ำแล้ว                                                               

           ก็ยังไง มันก็ยังต้องอาศัยแร่ธาตุจากแผ่นดินอยู่ดี มันก็ต้องใช้แร่ธาตุบำรุงให้มัน

เจริญเติบโต                 อ้ายต้นไม้อยู่ในน้ำ มันจะสูงใหญ่ขนาดไหน มันจะให้ร่มเงาได้

มากน้อยขนาดไหน
งั้น ศีลมันเหมือนดั่งแผ่นดินที่ให้อาหารกับพืชพันธุ์ และเจริญเติบโต                                

                แผ่กิ่งก้านสาขา เป็นร่มเงาให้กับสรรพสัตว์ได้อยู่อาศัย                                  

                                              ฉันใดก็ฉันนั้น ศีลก็เหมือนกัน เป็นเครื่องยังให้จิตนี้มั่นคง

กายนี้มั่นคง                                                             วาจานี้ดำรงอยู่ในความชอบธรรม

ถูกต้องได้ เราก็ปฏิเสธศีลไม่ได้
พระอริยบุคคลเบื้องต้นก็ปฏิเสธศีลไม่ได้                                                                    

                                       แล้วนอกจากปฏิเสธศีลไม่ได้แล้ว ต้องทำให้ศีลขาดไม่ได้ด้วย

ต้องระมัดระวัง
ใครบอกว่า เป็นพระโสดาบัน พระอริยบุคคล อรหันต์ สกทาคา อนาคา                             

                          ถ้าศีลยังไม่ค่อยดีบ้าง ไม่ถูกต้อง นั่นแสดงว่า นั่น อรหอยแล้ว ไม่ใช่

อรหันต์                                                            ถ้าอรหันต์นี่ เค้าผ่านขั้นที่รักษาศีล

สมบูรณ์มาแล้ว                                                                                        มันต้อง

ไม่มีคำว่า ระมัดระวังศีล เพราะว่า ศีลมันเป็นนิสัย สันดาน                                             

                   มันกลายเป็นนิสัย สันดาน เป็นพฤติกรรมอันถ่องแท้ของตนแล้ว                  

                                                พูดก็มีศีล ทำก็มีศีล คิดก็ดำรงรักษาศีล
แต่พูด ทำ คิด ผิดศีลอยู่ตลอดเวลาอย่างนี้ ละเมิดศีลอยู่เนืองๆ                                          

                               ทำให้ศีลด่างพร้อยอยู่เนืองๆ แสดงว่า นั่น ไม่ใช่ล่ะ ไม่ถูกต้องล่ะ      

                                                                  แต่เราจะรู้ว่า ใครเป็นพระอริยเจ้า หรือ

ไม่เป็นพระอริยเจ้า เป็นพระโสดา สกิทาคา อนาคา หรือ อรหันต์ ก็ดูว่า ท่านผู้นี้ มีศีลอัน

สมบูรณ์ มีศีลอันด่างพร้อยหรือเปล่า
ดูง่ายมาก ไม่ต้องไปดูอะไร ไม่ต้องไปส่องกล้อง หรือ ฟังคำโฆษณาชวนเชื่ออะไร              

                                    ถ้าตราบใดที่เรายังเป็นผู้ไม่มีศีล เราจะไปรู้ได้อย่างไรว่า เค้ามีศีล 

                                                                 งั้น ถ้าเรามีศีล เราก็จะรู้ว่า ศีลนั้นรักษา

อย่างไร ระมัดระวังอย่างไร                                                             แล้วก็ดำรงไว้ให้

มันตั้งมั่นอยู่ได้อย่างไร                                                                                           

                   แล้วเราก็จะรู้ว่า ใครบ้างที่ศีลหลุด ศีลล่อยหลอ ศีลด่างพร้อย                         

                                                งั้น รวมสรุปๆ ก็คือ คำตอบว่า การจะปฏิบัติธรรม ก็คือ

กระบวนการที่ทำให้กาย วาจา ปกติ                    แล้วก็ใจสงบระงับ ทั้งหมดเนี่ย มันรวม

อยู่ในคำว่า สมาทานศีล ไหว้พระ สวดมนต์ รับศีล                  แล้วก็รักษาศีล ต่อไปก็

พัฒนาจิตให้สูงขึ้น ก็ปฏิบัติธรรมขึ้นสูงๆ เรียกว่า สมถะ วิปัสนา                                   

ก็ทำให้จิตนี้มันมีปัญญารุ่งเรืองเจริญสืบไป
นี่คือ คำตอบ ถามว่า จำเป็นหรือไม่ ก็ต้องบอกว่า เป็นความจำเป็น                                   

                            เป็นกิจเบื้องต้นที่ควรจะต้องกระทำ
ท่านทั้งหลายที่ฟังรายการและสงสัย ก็ให้รู้ไว้ว่า การไหว้พระสวดมนต์ ก็คือการปฏิบัติ

ธรรมอย่างหนึ่ง แขนงหนึ่ง แต่เป็นเรื่องที่ค่อยเป็นค่อยไป แม้มันจะดูหยาบ แต่ถ้าทำด้วย

หัวใจ มันไม่หยาบแล้ว มันจะทำให้จิตเราสงบระงับได้ในระดับหนึ่งด้วยซ้ำไป จบ
คุณมนัส   จบนี่ ไม่ได้แปลว่า เลิกนะฮะ แต่เรากำลังจะเริ่มต้น หลายคนกลัวว่า จะต้องจบ

เค้าบอกว่า มีอยู่คำๆ หนึ่ง ...อย่าไปกลัวว่า ชีวิตของคนเราจะต้องจบ แต่จงกลัวในสิ่งที่

เราอาจจะไม่ได้เริ่มต้น เหมือนกับคนที่กำลังวิตกจริตไปทุกเรื่อง สุดท้ายก็กลัวความตายจะ

มาเยือน เค้าบอกว่า อย่าเพิ่งไปกลัวความตาย จงกลัวว่าชีวิตยังไม่ได้เริ่มต้น อันนี้น่ากลัวกว่า

ยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลย
ต้อนรับทุกท่านนะครับ เข้าสู่รายการวิถีธรรม วิถีไทย เราไม่มีโอกาสมาโรงพยาบาลทหาร

เรือ                          เดือน สองเดือน ก็คือ เกิดปัญหาของน้ำท่วม งั้น วันนี้ เราได้มี

โอกาสมารวมตัวกัน แม้จะบางตาลงไปข้างหลังสุด.....
หลวงปู่   ใครว่า เดือนมกราฯ เป็นเดือนแห่งการเฉลิมฉลอง                                           

                ชั้นว่า เป็นเดือนแห่งความอภิมหาเหนื่อยๆ เหนื่อยทั้งเดือน ชั้นยังเหนื่อยไม่เลิก

เลย                                     เมื่อเช้า ก็ไม่อยากฉันข้าว  เมื่อกลางวันนี้ ก็เลยบอกให้เค้า

ต้มข้าวต้มไว้ถ้วยนึง ฉันไปหน่อยนึง           มันเหนื่อยแล้ว ฉันข้าวไม่ได้ เหนื่อยมากๆ

hang  hang  เหนื่อยแบบหมดแรง เหมือนถอดปลั๊ก               นี่ยังอยากจะนอ

ยเลยเนี่ย ยิ่งเห็นหน้าพวกคุณ ยิ่งอยากนอนใหญ่                                                          

  ทำไมปีนี้มันเหี่ยวอะไรกันขนาดนี้  เหี่ยวยั่ง เหี่ยวยืน  เหี่ยวถาวร เหี่ยวแน่ เหี่ยวนอน

อะไรขนาดนี้ มันไม่ใช่ยิ่งผ่านไป มันยิ่งเต่งตึงหรอกเหรอ
(วันเวลามันกลืนกิน...)
อ้าว ไม่ใช่โตขึ้นหรอกเหรอ
(แก่ลงเจ้าค่ะ)
เหรอ ไหนบอกว่า ผ่านไป เราจะโตขึ้น
แสดงว่า ไม่ได้กินนมเหรอ
เออ เหนื่อย ก็คุณลองหลับตานึกดู 
ก่อนวันปีใหม่ ก่อนวันเกิด ก็ทั้งเดือน ก่อนหน้านั้นทั้งเดือน ก็ต้องทำกับข้าวทุกวัน ตื่นตี 1 

              นอน 4 ทุ่มทุกวัน ต้องส่งไปตามหมู่บ้านน้ำท่วม 3 เวลา 2 เวลา วันนึงก็

หมื่นกล่องบ้าง 6,000 กล่องบ้าง ทำมา 2 เดือนกว่า พอจบ ยังไม่จบดี ก็ต้องไป

อบรมพระบวชถวายพระราชกุศลในหลวง วันที่ 5 ธ ค อีก 15 วัน กลับมาเข้าปีใหม่อีก

แล้ว ก็เข้างานอีก ปีใหม่มา ก็วันเด็ก
ปีใหม่นี่ ถามว่า หยุดไม๊ ก็ไม่ได้หยุดนะ ก็ทำไปเรื่อยๆ จนถึงวันเด็ก  เมื่อวาน เมื่อคืน กว่า

จะได้เก็บเสร็จก็ปาเข้าไปร่วม 3-4 ทุ่ม เด็กมาสนุก เพลิน อิ่ม เมามันกลับไป เมาไม่มี

มีแต่มันสะใจ อู้หู ของขวัญเต็มเพียบ 
คุณมนัส   ได้ข่าวว่า แจกจักรยาน
หลวงปู่   จักรยานชั้น แจกไป รู้สึกร้อยกว่าคัน ก็เผอิญคนมันรวยกว่านายกฯ
คุณมนัส   เค้าแจกแทปเลทนะฮะ
หลวงปู่    เค้าแจก 50 คันเอง ของชั้นนี่ แจก ร้อยกว่าคัน เค้าแจกท๊อปเลทเหรอ
คุณมนัส   แทปเลท เป็นคอมพิวเตอร์
หลวงปู่   ไม่ใช่ตังค์เค้านะ ตังค์ใครก็ไม่รู้ แต่ไม่ใช่ตังค์เค้า                                              

                     แต่รวมๆ สรุป ก็คือ เมื่อวานนี้เด็กเยอะมาก เป็นหมื่น ทั้งพ่อ ทั้งแม่ก็ร่วม 2

หมื่นกว่า                                    แต่กับข้าวก็เหลือให้กินกัน อาหารการกินก็สมบูรณ์ วัด

กว้างๆ ก็เลยแคบไป                                                     ปีหน้า ไม่แน่ใจว่า จะถึง หมื่น

ห้า หรือ 2 หมื่น หรือ 3 หมื่น แต่เด็กเค้ามามีความสุข                                       ทุก

คนเค้ามา ก็ถือว่า เป็นวันดอกไม้บานแห่งแผ่นดิน                                                        

                    นี่ พรุ่งนี้ ก็ต้องเริ่มใหม่อีกแล้ว เออ เริ่มเตรียมงานตรุษจีน                         

                                              งานตรุษจีน ก็เป็นงานใหญ่ของวัดอ้อน้อย
ก็เริ่มต้น ไหว้พระ ไหว้เจ้าไปเรื่อย                                                                            

                                    ถามว่า ทำไมต้องไหว้พระไหว้เจ้า  จำเป็นต้องไหว้ไม๊               

                                                                      จำเป็นไม๊                                       

              (จำเป็น)                         

คนดีน่ะ ไม่จำเป็น                                                                                                  

                          คนไม่ค่อยดีน่ะ จำเป็นมากๆ                                                          

                                                             คุณมนัส    แสดงว่า ที่ไหว้นี่ ไม่ค่อยดีทั้งนั้น
หลวงปู่     เอ้า จริ๊ง จริง                                                                                           

                                        คนดีน่ะ เจ้าต้องไหว้ จำไว้                                                

                                                                             อ้ายคนไม่ค่อยดีน่ะ ต้องไหว้เจ้า   

                                                                                                               อ้าว

จริงๆ ยิ่งไหว้เท่าไหร่ ก็จะยิ่งดีมากเท่านั้น                                                                   

                                  ไหว้แล้ว ต้องทำด้วย                                                             

                                                                     เพราะคนไม่ค่อยดี ยังต้องอาศัยเจ้าอยู่

ไง                                                                                                      อ้ายคนดีน่ะ

เจ้าอาศัยเรา                                                                                                          

                         อันนี้ เรื่องจริง ชั้นพูดเรื่องจริงๆ ดูตัวอย่าง วันบวชถวายพระราชกุศล      

                                                   พระก็ประมาณร้อยกว่ารูปล่ะนะ พระประมาณ

111 รูป บวชไปได้สัก 5 วัน หรือ 7 วัน                                  ก็ฝันว่า พระกวน

อิมมา                                                                                                                  

                              ท่าน ช่วยสอนพระท่านหน่อยสิ                                                   

                                                               เราก็ สอนทำไม                                      

                                                                                                              พระ

ท่านน่ะ มันไม่ค่อยสนใจพ่อแม่ แม่เค้าทั้งชีวิต ก็บนบานศาลกล่าว ไหว้พระ ไหว้เจ้า สวด

มนต์ พรที่อยากจะได้จากพระเจ้า ก็ไม่ต้องการอะไร อยากให้ผัวแข็งแรง ลูกกตัญญู ลูกรัก

ครอบครัว                         แต่ลูกก็ไม่ค่อยสนใจพ่อแม่ แล้วปีนี้ ลูกมาบวช                     

                                                                                             อ้ายเราก็เลยว่า อ้าว

แล้วทำไมไม่ไปสอนกันเองล่ะ                                                                                  

      อ้าว ก็ลูกศิษย์ท่าน                                                                                            

                                               เราก็ฟัง เออ นึกว่า เราฝันเฟื่องไป                              

                                                                                     อีกซัก 2-3 วัน มาอีกล่ะ

ฝันอีกล่ะ พระกวนอิมก็มาบอกอีก                                                                             

   สอนหรือยัง พระท่านน่ะ แม่มันบนใหญ่เลย                                                             

                                      เรา ก็ เออ เอ้อ เดี๋ยวจะสอนให้                                            

                                                                          แล้วก็หาย ก็ลืมไปน่ะ จนกระทั่งพา

ไปธุดงค์                                                                                               ธุดงค์ก็

พระมันดื้อ ถึงขนาดพระรุ่นนี้ ต้องปลุกผีสอน                                                              

                       ชั้นต้องตั้งศาลเพียงตา เรียกผีมาช่วยสอน มันว่ายาก สอนยาก                  

                                                   ไปโดนคนละอึก สองอึก ก็เลย แหม สวดมนต์ทั้งคืน

เลย                                                                           ขี้ เยี่ยว ก็ไม่ขี้เลย ไม่ออก

จากกลดเลย                                                                                                          

       ขืนออกจากกลดมาได้ยังไง มีการเขย่ากลดกัน เดินมาเห็นแต่ตีน ตัวไม่เห็น                

                                            เพราะขนาดตีน ก็ชะเง้อคอดูแล้ว เออ พวกก็เลยไม่กล้า

ออกจากกลด                                                                   อู้หู ปกติให้สวดมนต์ มันก็

ไม่ค่อยอยากสวด แต่พอตั้งศาลเพียงตา เรียกผี                                                    มัน

สวดกันทั้งคืน แล้วสวดทั้งเล่มเลย ไม่มีหน้าไหนไม่สวด โอ้โห ไฟแล็บหมด                       

                  เราก็เรียก รุ่นปลุกผี                                                                              

                                                     ไปอยู่ทองผาภูมิ เอาอีกล่ะ พระโพธิสัตว์มาบอกอีก  

                                                                                          ยังไม่สอนอีกเหรอ แม่

มันบนใหญ่แล้ว                                                                                                     

เรา ก็ เออ เดี๋ยวกลับวัด เดี๋ยวจะสอน                                                                          

                                       เลยเรียกมันมา  ก่อนจะเรียกมันมา มีคนเค้ามา  กูจำได้คลับ

คล้ายคลับคลา                                                      มึงใช่ไม๊ ที่ไปบอกพระกวนอิมให้

สอนลูกมึง                                                                                                         ค่ะ

แล้วมันก็ร้องไห้                                                                                                     

                                  อ้ายเราก็บอก อีห่า เรื่องแค่นี้ ก็ต้องมาเดือดร้อนกู ลูกมึงเอง ยัง

สอนมันไม่ได้                                               ด่าเสียอีก                                            

                                                                                                               ต้อง

ให้พระกวนอิมมาบอก                                                                                            

                                   เออ เราก็เลยเรียกพระมา                                                      

                                                                         ทั้งชีวิตผมชั่วชีวิตผมน่ะ ผมมีผู้หญิง

คนเดียว และท่านรู้ไม๊ ผู้หญิงคนเดียวของผม คือใคร                                                    

  รู้เปล่า                                                                                                                

                                         (

แม่)                                         

เออ แต่เดี๋ยวนี้ หนัง ละคร วิทยุ หรือ ดนตรี อะไรก็แล้วแต่ สื่อ ไม่ได้บอกให้เราเรียนรู้

ผู้หญิงคนเดียวหรอกนะ มันต้องหลายชีวิต หลายผู้หญิง แบบประมาณว่า หญิงข้าใครอย่า

แตะ อะไรประมาณนั้น ซึ่งมันจูงลูกออกจากอกแม่ จูงผัวออกจากอกเมีย อะไรก็แล้วแต่

มันทำให้คนมองเห็นสังคมข้างนอกสำคัญกว่าสังคมพ่อแม่ลูก มันไม่มีหนัง ละคร เรื่องใดที่

บอกว่า ชั่วชีวิตข้า จะต้องทุ่มเทให้กับผู้เป็นแม่ ทุ่มเทให้กับผู้เป็นพ่อ ไม่มี
มีแต่หนัง ละครทุกเรื่องก็บอกว่า คุณต้องทุ่มเทให้กับลูกสาวของใครก็ไม่รู้ หรือลูกชายของ

ใคร      ก็ไม่รู้ ซึ่งคุณจะทุ่มเทชีวิตให้แบบชนิดตายก็ตายแบบประมาณว่า ผัวข้าใครอย่า

แตะ เมียข้าใครอย่าแตะ หญิงข้าใครอย่าแตะ แต่แม่ข้าแตะไปเถอะ อะไรประมาณนั้น

ตายไปก็ช่างมัน  อะไรประมาณนี้ ซึ่งอ้ายสื่ออย่างนี้ มันมีอยู่ไม๊                                      

                                                                                        มีไม๊                            

                                     (มี) 

แล้วมีอยู่ตลอด มีอยู่จนกระมั่งมันเน่าสนิท กรุงเทพมันถึงน้ำท่วมไง แล้วกรุงเทพน้ำเหม็น    

         ท่วมน้ำเหม็น เพราะมันดูแต่ละครน้ำเน่า ดูแต่เรื่องเน่า
งั้น คนก็เลยไม่ค่อยรักพ่อแม่ ไม่ค่อยเห็นว่า พ่อแม่ เป็นคนที่มีความสำคัญในชีวิต เห็นแต่

ผู้หญิง                          คนอื่นหรือผู้ชายคนอื่นที่สำคัญกว่าพ่อแม่ตัวเอง ทั้งชีวิตก็ให้กับ

คนอื่น แต่ไม่ได้ให้กับพ่อกับแม่ อย่างนี้เป็นต้น
 หลวงปู่ก็เลยเรียกเค้ามาสอน
ท่าน ชั่วชีวิตผมเนี่ยนะ ในชีวิตผม มีผู้หญิงคนเดียว และผู้หญิงคนเดียวคนนั้น ก็คือ คนที่

ให้ชีวิตผม เค้าเป็นทุกอย่างของผม เป็นทุกอย่างของชีวิตผม และเป็นเจ้าของของกระดูกทุก

ท่อน เลือดทุกหยด เนื้อทุกชิ้น หนังทุกแผ่น ผมทุกเส้น ทั้งหมดเป็นของเค้า
ถ้าท่านเป็นผม ท่านจะคิดยังไง
คือ เด็กมันติดสัตว์น่ะ
รู้จักติดสัตว์ไม๊
มันเห็นสัตว์สำคัญกว่าแม่
มันติดผู้หญิงน่ะ พูดง่ายๆ มันไม่ค่อยสนใจ แล้วแม่ก็มีลูกชายคนเดียว ก็อยากให้ลูกชาย

กตัญญู           ข้างผัวก็สุขภาพแข็งแรง
งั้น เล่าให้ฟังนี่ ก็เท่ากับว่า ถ้าเรายังไม่ดีถึงขั้นที่เทวดาจะอาศัยเรา เราก็ต้องอาศัยเทวดาไป

ก่อน งั้น ก็ไหว้ไปเถอะ พระเจ้าน่ะ มีโอกาสไหว้ ก็ไหว้ ไหว้ มันไม่ได้เสียหาย เพราะ    

อย่างน้อย การไหว้ทำให้จิตใจเราไม่หยาบกระด้างเกินไป คนที่รู้จักไหว้ ใจมันไม่กระด้าง    

          ไม่หยาบช้า ไม่เอาเปรียบ ไม่เห็นแก่ตัว
อ้ายคนที่ไม่รู้จักไหว้ใคร อ้ายพวกนี้ ยะโส ทรนง อวดดี จองหอง หยาบกระด้าง                 

                    จิตใจไม่ละเมียดละไม
ในหลักศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหง หลักที่ หน้าที่ 4 ท่านจารึกไว้อย่างแน่นอนว่า
ทิศเหนือ มีพ่อปู่ครูบา ผู้ใดไหว้ดีพลีถูก ผู้นั้นรุ่งเรือง เจริญ เป็นมงคล ผู้ใดไม่ไหว้ ...

ผู้นั้นอัปรีย์ อัปราชัย เป็นจัญไรต่อแผ่นดิน
งั้น พ่อขุนรามคำแหงสอนให้ไหว้ แล้วคนในสมัยสุโขทัย มีแต่คนถือศีลทั้งประเทศ ถือศีล

ทั้งเมือง
เขียนไว้ในศิลาจารึกว่า วันผี วันพระ สุโขทัยขาวทั้งเมือง                                                

                             วันผี ก็คือ วันโกน                                                                     

                                                                             วันพระ ก็คือ วันแสดงธรรม

ท่านถึงขนาดแบ่งพระแท่นมนังคศิลา คือที่ประทับว่าราชการ                             วันพระ

เป็นที่นั่งของพระสงฆ์ ให้พระสงฆ์มาแสดงธรรมให้ข้าราชบริพาร และประชาชนทั้งเมือง

ต้องมาฟังธรรม
งั้น สุโขทัย วันพระ จึงขาวทั้งเมือง
เพราะการสอนให้รู้จักไหว้ รู้จักพูดดี ทำดี คิดดี แล้วก็มีสัมมาคารวะในหลักพุทธศาสนา มีไม๊

                   การเคารพบูชา พระพุทธเจ้าสอนไว้นะ
พุทธคารวาตา  การบูชาเคารพพระพุทธเจ้า                                                                 

                                      ธรรมะคารวตา  การบูชาเคารพพระธรรม                             

                                                                                สังฆคารวตา  การบูชาพระสงฆ์ 

สิกขาคารวตา  การบูชาในการศึกษา การเล่าเรียน การเรียนอ่าน แม้แต่ครูผู้สั่งสมอบรม      

                      เทวตาคารวาตา  คือ การบูชาเทวดา หรือ เปรตพลี หรือ เทวพลี อย่างนี้

เป็นต้น
มีอยู่ในคำสอนพระพุทธศาสนา
แต่ทีนี้ เราจะบูชา เราจะไหว้แบบไหน ทำให้เรารุ่งเรืองเจริญ แล้วก็ชาญฉลาด องอาจ   

สง่างาม ก็อย่าเอาแต่ไหว้โดยไม่ใช้สติปัญญา ไหว้มันส่งเดชน่ะ หมาออกลูก 5 หัว ปูมี 3

ก้าม กล้วยออกลูกกลางต้น สากกะเบือ ไปนั่งไหว้ อะไรอย่างนี้ มันควรไม๊ ขี้หมา ขี้ออกมามี

5 หัว            นั่งไหว้
อ้ายอย่างนี้น่ะ น่ารังเกียจ ไหว้อย่างนี้ ไหว้อย่างคนโง่เขลาเบาปัญญา ไม่ใช้สติปัญญา

อย่างนี้ ไม่ควร
คุณมนัส   พรุ่งนี้แล้วครับ
หลวงปู่   อะไร
คุณมนัส    16 มกรา มีคำถามว่า พิธีกรรมขอพรเทพเจ้า กับอย่างนี้ เค้าไม่สนใจพิธีกรรม

เค้ามุ่งไปเรื่องวิธีการ หรือวิชาการ แล้วก็ปฏิบัติไปเลย  ผมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง มีน้ำใจมาก

ตอนผมป่วย                       ขับรถรับคุณแม่ ทำธุระกรรมให้ตลอดเลย แต่เชื่อไม๊ครับว่า

ในมุมดีของเค้า มีมุมประหลาดๆ อยู่ครับ หลวงปู่ เค้าไม่ไหว้พระ ชวนไปทำบุญ ไม่ไป ผม

ชวนมีอะไรที่วัด เค้าไม่เข้า ยังไงก็ไม่เข้า                   
ผมเคยถามเค้าว่า พี่ เพราะอะไร เค้าบอกว่า ไม่ใช่เค้าไม่ศรัทธา แต่ด้วยความที่เค้าเห็น

ภาพและ                           จำมาตลอดว่า พระสงฆ์ไม่น่ากราบ พระพุทธรูปก็ไม่น่าเข้า

ไปหา ไม่ใช่คริสต์ด้วยนะฮะ                                 แต่ให้ทำบุญ ทำไม๊  ทำ แต่ไม่เข้าวัด

ไม่รู้เป็นเพราะอะไร หลวงปู่ มีเยอะหรือเปล่า
หลวงปู่   ที่จริง ปัญหาคนอย่างนี้ ไม่ใช่ว่า ไม่มีในสังคมนะ ชั้นเชื่อว่ามี แล้วก็มีเยอะนะ       

                    แล้วยิ่งคนรุ่นใหม่ ก็มีมาก ฤทธิ์ที่เค้าห่างไกล ไม่มีคารวตาธรรมอยู่ในใจ

เค้าห่างไกลจากวัด ห่างไกลจากศาสนา ห่างไกลจากหลักธรรมคำสั่งสอน คนมันก็มีดีบ้าง

ไม่ดีบ้างอยู่ในสังคม                    มันไม่ใช่ว่า จะดีหมดทุกคน แม้แต่เวลาชั้นพูดเอง ก็อย่า

เพิ่งเชื่อชั้นว่า ชั้นเป็นคนดี
แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า คุณได้สิ่งดีๆ ไปหรือเปล่า
นั่น สำคัญที่สุด
ถ้าคุณได้แต่สิ่งไม่ดี ก็แสดงว่า ชั้นไม่ดีทั้งนอก ไม่ดีทั้งใน                                              

               อย่างนี้ แสดงว่า อัปรีย์แล้วไม่ควร                                                              

                                                                                       แต่ถ้าคุณยังได้สิ่งดีๆไป

ก็แสดงว่า ชั้นยังมีดีให้คุณได้ดูอยู่ แล้วคุณก็รับสิ่งดีๆไปใช้ให้               เกิดประโยชน์ ทำ

ให้คุณรุ่งเรือง เจริญได้ ก็แสดงว่า คุณยังได้ประโยชน์จากสิ่งที่คุณคบหาสมาคม หรือ

พบปะเจอะเจอ หรือ บูชากราบไหว้
ถามว่า เทพมีขี้เมาไม๊ เทพมีอันธพาลไม๊
มี ทำไมไม่มี
ในครั้งพุทธกาลยังมีเทพ ทีพรหม ที่เป็นพาล พระพุทธเจ้ายังต้องผูกมนต์ขึ้น มนต์สักกัตวา

มนต์มหากาลิโก มนต์กรณียเมตสูตร แล้วพระไปปฏิบัติธรรมอยู่ตามป่าเขลำเนาไพร รุกข

เทวดาบ้าง นางไม้บ้าง พระภูมิเจ้าที่บ้าง ทนอยู่ไม่ได้ เพราะพระมานั่งอยู่ใต้ต้นไม้ตัวเอง

จะขึ้นไปบนวิมานยอดไม้ ก็ขึ้นไม่ได้ เพราะสูงกว่าพระ เดี๋ยวตัวเองก็จะกลายเป็นผู้บาป ก็

หาวิธีกลั่นแกล้ง ทำกิ่งไม้ตกเสียบ้าง ให้นกขี้รดใส่หัวบ้าง ทำเสียง...ขับไล่เป็นผีขับไล่

บ้าง สุดท้าย พระก็หวาดกลัว ก็ไปฟ้องพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็เลยผูกมนต์ขึ้น เรียกว่า

กรณียเมตสูตร พอสาธยายมนต์บทนี้ ก็จะเป็นที่รักของเทวดา รุกขภูมิ เจ้าที่ทั้งหลาย
งั้น อย่านึกว่า เทวดาไม่มีพาลนะ เทวดาก็มีพาล เทวดาอันธพาลก็มี                                  

                           แต่ถามว่า ส่วนดีๆของเทวดามีไม๊ มันก็มีเหมือนกัน
ทีนี้ เราจะโง่ หรือ เราจะฉลาดล่ะ
เวลาเราเข้าป่า สวนผลไม้ จะเก็บทุกลูกเลยเหรอ ไม่เลือกเอาลูกที่สุกกินเหรอ                      

                    ไม่เลือกเอาลูกที่หวานกินหรอกเหรอ                                                      

                                                     เวลาเราไปตลาด เราซื้อแต่ของเน่าๆ ของดี กูไม่ซื้อ

เหรอ
งั้น มันต้องอยู่ที่ปัญญาของตัวเองแหละ
แสดงว่า เพื่อนคุณโง่ เพื่อนคุณไม่มีปัญญา ไม่รู้จักเลือกส่วนที่ดี
คุณมนัส   ผมจะบอก เพราะมันโง่
หลวงปู่      เออ มันโง่ แล้วระวังคุณจะติดเชื้อมันนะ                                                      

                             เป็นผู้ไม่รู้จักเลือกไง ต้องบอกให้เค้ารู้ว่า  นี่ เธอ อย่าเชื่อว่า อ้ายสื่อที่

เธอเข้าไปน่ะ                                    มันจะเหม็นทั้งหมด  ในตลาด มันต้องมีของดีบ้าง

ไม่งั้น คงขายของไม่ได้
งั้น มันอยู่ที่กึ๋นของเกลอ ถ้าเกลอมีกึ๋น เกลอก็จะเลือกแต่ของดีออกมาจากของเน่า               

                           เว้นแต่ว่า เกลอไม่มีกึ๋น เกลอเลยโทษเน่าทั้งหมด
อย่างนั้น คนเค้าจะอยู่ได้ยังไง
ในมุมกลับกัน ต้องถามว่า แล้วอ้ายคนที่อยู่ในตลาด คนที่เดินเข้าไปในตลาด และซื้อของใน

ตลาด แสดงว่า เค้าก็โง่ทั้งหมดสิ มีเกลอฉลาดคนเดียวในโลกนี้
งั้ย มันขึ้นอยู่กับว่า เค้าเป็นคนโง่หรือคนฉลาดที่จะเลือกเอาของดีออกจากของเน่า               

     ถ้าคนมีปัญญา มันก็จะเลือกเอาเพชรออกจากกองขยะ                                              

                                               คนโง่มันก็จะเห็นขี้เป็นทองไปหมด
คุณมนัส   เพราะเค้าทำอะไรทุกอย่าง ไอทีหมดเลย หลวงปู่                                            

                                 ลอยกระทง ก็ลอยในเนท  เวียนเทียน ก็เวียนเทียนในเนท             

                                                                                ผมก็เลย เออ สงสัยเป็นเพราะ

แบบนี้แหละ
หลวงปู่    สังคมรอบกายทำให้เค้า คือ ระบบ High Technology มันทำให้เค้า

ห่างไกลจากชีวิตจริง   คือ ความเป็นจริงของชีวิต วัฒนธรรมของชีวิต ศิลปของชีวิต วิถีของ

ชีวิต และรากเหง้าของชีวิตตัวเอง  เค้าคิดว่า เค้าเป็นคนรุ่นใหม่ เป็นคนที่ต้องพึ่งพาอาศัย

High Technology                             

             ไม่ต้องใส่ใจวัวควาย ไม่ต้องใส่ใจต้นกล้าในนาข้าว ไม่ต้องใส่ใจพื้นในดินที่อุดมที่

ต้องปลูกข้าว              ไม่ต้องสนใจขุดบ่อ เพื่อจะใส่น้ำ เพราะมีน้ำให้ไหลจากก๊อก
ในมุมกลับกัน ถามว่า น้ำที่ไหลจากก๊อก ถ้ามันไม่มีบ่อเก็บกัก มันจะเอาน้ำที่ไหนมาใส่ก๊อก
อ้ายที่น้ำมันท่วมๆ เดือนสองเดือนที่แล้ว มันมาจากไหน มันท่วมก๊อก หรือท่วมบ่อ             

                           เค้าท่วมบ่อก่อน แล้วออกมาเป็นสีอะไร เน่า
เพราะฉะนั้น คือ เรื่องของเรื่อง เค้าโง่ คิดไม่เป็น เอาไปให้เค้าดูด้วยนะ รายการนี้
คุณมนัส   ครับ น่าห่วงจริงๆ ได้ข้อมูลมา ก็แลกเปลี่ยนกับทุกท่าน
หลวงปู่   เค้ามีมิจฉาทิฏฐิ
คุณมนัส  ใช่ครับ เพราะที่ผ่านมา ผมทำวิเคราะห์ข่าวเรื่อง สถานการณ์เด็ก ทราบไม๊ครับ

บ้านเราเด็กติดสื่อออนไลน์มาก หลวงปู่ เป็นอันดับ 3 ของโลก เฉพาะ facebook

นะครับ ภายในระยะเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมา 10 ล้านคนใน facebook อย่างเดียว

แล้วเค้าบอกว่า ปีนี้ จะทะลุ 15 ล้านคน แล้วก็ปัญหาเด็กติดเพื่อนครับ หลวงปู่ เด็กติด

เพื่อน แล้วบ้านเราตัวเลขเด็กเร่ร่อน 3 หมื่นคน ปีนี้นะฮะ ปีนี้ 30,000 คน แล้วเด็ก

ส่วนหนึ่ง 3 ล้านกว่าคน ไม่มีโอกาสเข้าสู่ระบบการศึกษา แล้วประมาณแสนห้า ถูกผลัก

ออกจากระบบการศึกษา เพราะระบบการศึกษาไทย เค้าวิเคราะห์ออกมาแล้วครับ หลวงปู่ 

ว่า เด็กเข้าไม่ถึง ไม่รู้เพราะการเรียน การสอน หรือเพราะอะไร พอเด็กถูกถีบออกจากระบบ

                   ก็กลายเป็นเด็กเร่ร่อน กลายเป็นปัญหาของสังคม แล้วก็ตามมาคือ เรื่องยา

เสพติด ตอนนี้เด็กอายุประมาณ 14 ปี กำลังเป็นนักเสพหน้าใหม่ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับยา

เสพติด เค้าบอก ยากมากที่จะแก้
หลวงปู่   อย่าแก้เลย ยาเสพติดนี่ อย่าแก้เลย
คุณมนัส   เค้าบอกแก้ที่พ่อแม่
หลวงปู่   ไม่   ตีตำรวจ
คุณมนัส   ทำไมล่ะฮะ
หลวงปู่   ถ้าไม่มีตำรวจ ก็ไม่มียาเสพติด
คุณมนัส   ตำรวจทำเอง
หลวงปู่   โธ่ ตำรวจมันรู้  อย่าไปตัดนะ รายการนี้ เอาออกด้วย                                        

                      โจร ตำรวจรู้ไม๊   รู้  อ้ายตำรวจนี่แหละ เป็นตัวสร้างโจร                          

                                                                         ก็ถ้าเป็นผู้การ ผู้กำกับก็ต้องส่งเดือน

ละเท่าไหร่                                                                                                ถ้าเป็น

ผู้กำกับ ก็สารวัตรต้องส่งเดือนละเท่าไหร่                                                                    

                           ก็มันส่งกันเป็นทอดๆ อย่างนี้  แล้วมันจะเอาที่ไหนมาส่ง เงินเดือนมัน

ก็มีอยู่แค่นั้น                                                      
อ้ายหมาอะไรที่ท่าแล่ ที่เค้าจับกันที่รายการข่าวทีวีมาออกน่ะ ตัวแทนจำหน่าย หนึ่งในนั้น    

               ก็คือ ตำรวจ นี่ข้อมูลในท้องที่เลย เบื้องต้นเลย จนถึงกับต้องมีการย้ายรองผู้กำกับ

เข้าไป                      ประจำสำนักงานผู้การภาค
อ้ายไม้พะยูนที่เค้าจับกันครึกโครม ก็ตำรวจ ยาก็ตำรวจ
เพราะฉะนั้น ถ้าอยากจะกำจัดพวกนี้ กำจัดตำรวจ
เอ้า จริ๊ง จริง ชัดๆ
ถ้าไม่มีตำรวจ ก็ไม่มียา ไม่มีโจร ไม่มีหมาขาย ไม่มีบ่อน ไม่มีอะไรทั้งนั้น เพราะเหตุผลว่า

พวกนี้  จะมีการ แหม อยากไปปลุกผีคุณสิทธิ์ จิระโรจน์ อีกรอบหนึ่ง เพราะสมัยเค้าเป็น

อธิบดีตำรวจเนี่ยนะ วันพระ วันโกน อ้ายเครื่องเล่นบันเทิง อ้ายเหล้า บาร์ เบียร์ทั้งหลาย

เค้าปิดนะ แล้วพวกนี้ อยู่ไม่ได้เลยนะ คือ แกไม่กินไง แกถือศีล 5  ตำรวจไม่กิน
นี่ถามว่า ตำรวจเงินเดือนๆ หนึ่งเท่าไหร่ มีบ้านหลังหนึ่งตั้ง 10 กว่าล้าน ส่งลูกไปเรียน

เมืองนอก              ได้ทุกคน มีเงินฝากธนาคารเป็นสิบๆ ล้าน ถ้าไปสอบกันจริงๆ ตำรวจที่

ไหนไม่กิน                                        เมื่อวาน ชั้นนั่งคุยกับตำรวจ หลวงปู่ ตำรวจที่ไม่กิน

คือ ตำรวจที่ตาย                                                                     อ้าว จริ๊ง จริง นี่คือ

ออกจากปากตำรวจ นายร้อยด้วยนะ
คุณมนัส   เค้าถูกสอนมาอย่างนี้
หลวงปู่    เพราะงั้น ถ้าถามชั้นว่า ถ้าอยากจะกำจัดปัญหาคอร์รัปชั่น ปัญหารยาเสพติด         

                  ปัญหาโกงกินบ้านเมือง ปัญหาโจร ฉกชิ่งวิ่งราว ปัญหาตัดไม้ทำลายป่า

ปัญหาทรัพยากร                       ปัญหาโจรห้าร้อยแปดร้อย อะไรทั้งหลายเนี่ย จัดการ

กับตำรวจก่อน จัดการกับผู้รักษากฏหมายให้มันตรงไปตรงมาให้ได้ก่อน ไม่ต้องเอาอะไร

มาก ถ้าคุณไปชนคนตายแล้วหนี เค้าก็จะมาถามว่า               เอาเท่าไหร่ เอาแค่ชนคน

ตายกับไม่หนี ถ้าหนีนี่ คดีต่างกัน ใช่ไม๊ ก็เอาไม่หนี ทั้งๆ ที่มันหนี แต่ให้เขียนว่า ไม่หนี

เท่าไหร่ ช่วยๆ กันหน่อย เออ เท่านี้แหละ จบ
อย่างนี้ จะตีใคร ตีคนตาย หรือ ตีคนชน มันต้องตีตำรวจ  เพราะตำรวจมันเข้าข้างคนผิดแล้ว
คุณมนัส   แล้วใครจะตี ปัญหาอยู่ว่า ใครจะเป็นคนตี
หลวงปู่   เออ อันนี้ก็ตัวใครตัวมันล่ะนะ
คุณมนัส   พระตี
หลวงปู่   ต่างคนต่างไปล่ะครับ
คุณมนัส   ให้พระทำหน้าที่ตีผ่านจอทีวีแล้วกันครับ
หลวงปู่   ตีตำรวจ  สอง ตีสงฆ์                                                                                  

                                                                                          เอ้า ตีตำรวจ แล้วตี

สงฆ์ด้วย เพราะพระมัวเห่อเหิม ฟุ้งเฟ้อทะเยอทะยาน ไม่อยู่ในการอบรม                    

ครอบงำ คือ รักษาศีล แผ่เมตตา เจริญภาวนา ปฏิบัติธรรม ทำหน้าที่ถูกต้อง ทำเรื่องดีๆ ไม่

บกพร่อง คนก็มีต้นแบบ และเยี่ยงอย่างให้ดู                                                                

                                                   แต่พระมัวแต่ เดี๋ยวก็ฉลองพัดยศ เดี๋ยวก็วิ่งเต้น

เดี๋ยวก็ออก โปรโมชั่น โฆษณา โปรโมชั่นตัวเอง                
เมื่อวาน มีคนมาชวน  หลวงปู่ เค้ามีบริษัทสนใจติดต่อที่จะมาโปรโมท                              

                            เค้ามีกันหมดครบทุกองค์แล้วไง  เออ แต่ละองค์ที่ดังๆ เค้ามี

บริษัทออกสื่อประจำตัวเค้า                                ที่จะโปรโมทเค้า
คุณมนัส  รวมหลวงปู่พุทธะอิสระเข้าไปด้วย
หลวงปู่    เหลืออยู่องค์เดียวที่ยังไม่โปรโมท เค้าบอกมี Organiser อะไรเซ่อๆ สน

ใจไม๊                                    แล้วไม่ต้องจ่ายตังค์เค้าเลยนะ เค้าบอก 70  50  

30  60 อะไรอย่างนี้ 30  70 อะไรอย่างนี้                             แบ่งกันเป็น

สัดส่วน
บอก แหม กูทำใจไม่ได้ว่ะ
คุณมนัส    ที่จะต้องแบ่ง กูเอาเองดีกว่า มาร้อย ได้ร้อย
หลวงปู่   อีกหน่อย จะไม่คบแล้วล่ะ
คุณมนัส   รู้ทันไปหมด
หลวงปู่   อ้ายคนรู้ใจนี่ ไม่คบ
คุณมนัส   วันก่อนคุยกับหลวงปู่ที่วัดธรรมศาลา คุยกันนี่แหละ                                        

                         เรื่อง ทำไมต้องมีการปิดทองฝังลูกนิมิตร                                            

                                                             ท่านก็ตอบตรงมาก หาเงินน่ะ หาเงินเข้าวัด

ได้เท่าไหร่                                                                                       แล้วก็พอรู้

นิสัยท่านหลวงปู่ พอเข้าวัดไป เงินนั้นไม่เอาออกมา                                                      

               หนำซ้ำ หยิบใส่เข้าไปสงเคราะห์ต่อไปอีก เดาทางไม่ยาก                                

                                  Organiser

มาติดต่อ  70  30 เนี่ย หลวงปู่ไม่มีทางยอมมันเด็ดขาด ต้องเอาร้อย
หลวงปู่   เอ้า จริ๊ง จริง ก่อนหน้านั้น ทำวัตถุมงคลนะ อ้ายสำนักพิมพ์อะไร โพธิ์ทอง โพธิ์

อะไร             เค้ามาติดต่อนะ เซียนพระเนี่ย เค้ามาติดต่อ บอก หลวงปู่ นั่งเฉยๆ เป่าอย่าง

เดียว เค้าทำให้พร้อมเสร็จสรรพเลย หลวงปู่เอาไป 40%  เอ้า ไม่พอใจ เอาไป 50

เลยก็ได้                                                                                บอกว่า 80% กูก็ไม่

เอา เพราะว่า กูได้ร้อยหนึ่ง กูขายร้อยหนึ่ง                                                                  

           ทำไมกูต้องแบ่งมึง 20 กู 80                         

                                                                                                   แล้วเราก็บอกว่า

เราไม่ชำนาญ ไม่ชินต่อวิธีนี้ แบบนี้
คนที่มันจะศรัทธา ไม่ต้องไปโฆษณา มันก็ศรัทธาได้ แล้วชั้นไม่ได้อยู่เพราะชั้นขายศรัทธา  

                ชั้นอยู่ได้ เพราะชั้นขายความสามารถ ความรู้ ขายสติปัญญา ชั้นไม่ได้อยู่

เพราะอาศัยศรัทธา                   พระกับเจ้า อยู่ได้กับ 2 สิ่ง
1. คือ ศรัทธา
2. คือ สติปัญญากับความสามารถ
ถ้า 2 สิ่งนี้ไม่มี ก็อยู่ไม่ได้ เจ้าก็เหมือนกับพระ                                                          

              พระมหากษัตริย์ อยู่ได้เพราะอาศัยศรัทธาและความสามารถ ถ้าไม่มีใครศรัทธา

ท่านก็อยู่ไม่ได้ ราชวงศ์ก็อยู่ไม่ได้ ไม่ว่าจะองค์ไหน ก็อยู่ไม่ได้                                       

                                                             พระก็เหมือนกัน มีได้เพราะ 2 สิ่ง ศรัทธา

กับความสามารถ
ศรัทธาแบบไหน ศรัทธาแบบชนิดที่ตัวเองมีสติปัญญา หรือศรัทธาแบบโปรโมท โฆษณา    

                                               ถ้าศรัทธาแบบโปรโมท โฆษณา อยู่นานไม๊  เออ เดี๋ยว

มันก็หาย
คุณมนัส  ตังค์หมดก็จบกัน
หลวงปู่   เออ ตังค์หมดก็จบกัน หรือไม่ก็ เดี๋ยวแบ่งไม่ถูกกัน เดี๋ยวก็เลิก                            

                                       เอ้า จริงๆ สมัยก่อน เค้ามีเครดิทแถวๆ นนทบุรี ก่อนหน้าที่

เค้าจะดัง ก่อนนี้ เค้ามาช่วยชั้นอบรมเณรนะ อาจารย์องค์ที่ดังๆ ระหว่างเหล้ากับนม ตั้งให้

หมา หมาจะกินอะไร องค์นี้แหละ ก่อนนี้ ช่วงเป็นพระหนุ่มๆ ใหม่ๆ ออกจากสวนโมกข์ ยัง

ไปช่วยชั้นทำงานอยู่วัดคลองเตยนะ สมัยก่อนไม่รู้แกจำได้ไม๊ ชั้นน่ะ จำได้อยู่..เลยล่ะ

ไปช่วยชั้นอบรมเณรวัดคลองเตยได้สักพักหนึ่ง แล้วตอนหลังมา เค้าก็มีบริษัททำอะไร ทำ

เทป เพราะแกเทศน์ดีใช่ไม๊ คนก็ฮือฮา ก็มาทำหน้าที่ โปรโมท โฆษณาเทป แล้วก็ทำเทป

แกออกวางตลาดไปทั่ว คนก็ติดพระ ก็ติดฟัง แล้วก็ตลกโปกฮาชอบใจ แล้วตอนหลังมา

บริษัททำเทปนั้น รู้สึกจะมีปัญหาแบ่ง ก็มาอยู่กับบริษัทอีกบริษัทหนึ่ง ไม่รู้ ชั้นน่ะรู้เรื่อง

ก่อนหน้านี้ บริษัทนี้ ก็มาหาชั้น แต่ชั้นรับไม่ได้ตรงที่มันมาแบ่งเนี่ย
คุณมนัส   มองการไกลไว้เรียบร้อยแล้ว
หลวงปู่   ถ้ามันไม่แบ่ง นี่ เออ เราพอจะกล้อมแกล้มไป                                                 

                                      เออ คิดว่ามันจะศรัทธาแบบชนิดถวายหัวถวายชีวิตว่า เออ

พระอาจารย์ หลวงปู่เอาไปหมดเลย                 ผมทำถวาย เออ อย่างนั้น พอรับได้ อ้าย

มันมาขอแบ่ง รับไม่ได้ตรงนี้                                                                         เอ้า จริ๊ง

จริง เมื่อก่อนนี้ อ้ายอะไรที่ เดียๆ เมื่อก่อนนี้ ไปวัดชั้นนะ เออ ก่อนนี้ เค้าออกจากไทยทัศน์

ใหม่ๆ เค้าไปทั้งพ่อทั้งแม่ ทั้งโคตร ไปกันทั้งโคตรเลยล่ะ แล้วก็เอาอ้ายคำโศลก คำอะไร

ของชั้นออกไป เราก็บอก เออ ได้ตังค์มา ก็ไปทำกุศล ทำบุญ ไม่รู้มันไปรับทำหรือเปล่า ไป

พิมพ์แจกพิมพ์ขายตามโรงเรียน ตาบบริษัทต่างๆ แล้ว ชั้นก็เลิก ชั้นไม่สนใจ แต่ชั้นก็ไม่

ชอบให้ใครมาคอยยกหางเดิน เดินแล้วคนมาคอยปูผ้าขาว จ๊ะ จ๋า เจ๊อะแจ๊ะ เกะกะ
คุณมนัส   เมื่อเช้า ผมขับรถมา แถวนนท์นะฮะ ญาติโยมใส่ชุดขาวเต็มถนน รถบัสจอด รถ

ติดหน้าหมู่บ้าน เค้ามีงานอะไร ธรรมะอะไรสักอย่างหนึ่งแหละที่เค้าเดินธุดงค์ 3 จังหวัด
หลวงปู่   อ๋อ
คุณมนัส   นี่วนเวียนมานนทบุรีอีกล่ะ
หลวงปู่   ก็เป็นเชิงสัญลักษณ์ เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง เป็นดีลักษณะสัญลักษณ์
คุณมนัส   เป็นธุรกิจ
หลวงปู่   มันเป็นโปรโมชั่น อ้าว ก็มันเป็นเชิงสัญลักษณ์                                                 

                                     ดีนี่มันต้องประกาศด้วยเหรอ                                               

                                                                              คุณกินน้ำนี่ ต้องประกาศด้วย

เหรอ แหม สดชื่นจัง                                                                                           

ต้องไม๊                                                                                                                 

                                          (

ไม่ต้อง)                                        

เออ ดีมันต้องอยู่ในตัวเราไม่ใช่เหรอ                                                                          

                                           มันมาจากหัวใจดีๆ ที่มีจิตใจที่เอื้ออารีและเป็นดีที่มีในใจ     

                                                                       ต้องไปโฆษณา ต้องไปเดินบอกอวด

เค้าด้วยเหรอ ว่า ชั้นทำดี                                                                                  นี่

ชั้นเดินธุดงค์ ไม่เห็นต้องไปไต่ตามข้างถนนเลย ชั้นเข้าป่าไป หาย นั่นแหละ เดินธุดงค์        

                  อ้ายนี่ มาเดินข้างถนน มันคนละอย่างกัน ไปเรียกเดินธุดงค์ได้ไง                   

                                              แต่ถ้าเป็นเชิงสัญลักษณ์ ไปทำให้คนไม่รู้ เค้า เออ ยังมี

อ้ายพันธุ์นี้อยู่นะ พันธุ์โปรโมชั่น                        พันธุ์โฆษณา แต่ก็ไม่ได้เสียหายนะ ไม่

ได้ว่าเค้าไม่ดีนะ ก็ดีกว่าเค้าไม่ทำอะไร                                                  ก็อย่างที่คุณ

บอก ดีกว่าอยู่เฉยๆ ดีกว่าไม่ทำอะไรเสียเลย ก็ให้เค้าทำเถอะ                                         

  เหมือนกับเดินรณรงค์ไม่ให้สูบบุหรี่ ก็เดินไปวันหนึ่ง วันที่เดินน่ะ ไม่สูบ แล้วนอกนั้น สูบ

ทุกวัน
คุณมนัส   แล้วอ้ายคนที่รณรงค์น่ะ ดูดเอง
หลวงปู่   เออ ก็บอกแล้วไง ดีไม่ดี เดินไปดูดไป เพราะมันเดินหลายจังหวัด มันทนไม่ไหว

เพราะฉะนั้น ก็อ้ายดีเชิงสัญลักษณ์เนี่ย บ้านเมืองเราชอบ เพราะเราไปเอามาจากต่าง

ประเทศ สมัยก่อนนี้ เค้าไม่มีใครกล้าทำนะ น่าอาย คือ หน้าเค้าไม่หนาเหมือนคนสมัยนี้

คนสมัยนี้ หน้าหนา เค้ากล้าที่จะแสดงออก กล้าที่จะโปรโมท กล้าที่จะโฆษณา ทั้งที่ไม่มีดีให้

เค้าดู แต่ก็พยายามอวดดี โชว์ดี แต่หาดีไม่ค่อยมี อย่างนี้เป็นต้น
แต่เรื่องอย่างนี้  ไม่ใช่เป็นเรื่องเสียหาย แต่ก็อย่าเอาดีแต่สร้างสัญลักษณ์ หรือ มีเอกลักษณ์  

                       แต่ดีให้มันมีคุณลักษณะ หรือ ลักษณะที่เป็นคุณที่ปกครองและถนอมตัว

เองและดูแลรักษาตัวเอง                ก็อย่างที่บอกว่า ดีไม่จำเป็นต้องอวด ไม่จำเป็นต้อง

โฆษณา คุณกินข้าวอิ่มแล้ว คุณต้องไปโฆษณาด้วยหรือว่า ชั้นอิ่มแล้วๆ แล้วคนจะรู้ไม๊

คุณอิ่มแบบไหน อิ่มของคุณน่ะ คนแต่ละคน มันอิ่มไม่เหมือนกันนะ บางคนครึ่งท้องก็อิ่ม

บางคนขนาด เอิ๊ก ไหลออกมา ถึงอิ่ม เออ บางคนนิดเดียว อิ่มแล้ว อย่างนี้เป็นต้น มันอิ่มไม่

เหมือนกัน อิ่มแตกต่างกัน ให้โฆษณายังไง มันก็ไม่ถึงคำว่า อิ่มจริงๆ หรอก
ดี ก็เหมือนกัน ให้พยายามจะเสกสรร ปั้นแต่ง ปฏิรูป ปรับปรุง เติมแต้ม กลิ่น สี เสียงยังไง  

                         ยังไงก็ไม่ถึงดีจริงๆ ของเค้าหรอก เพราะดี จริงๆ มันต้องเป็นดีที่พึ่งได้

ไม่ใช่ดีที่แลกได้แลกเสีย              นี่ เดินไป ก็บ่นไป โอย ตีนแตก โอย เหนื่อยเหลือเกิน

โอย ร้อน เท้าแตก ทรมานทรกรรม เดินไปปุ๊บ ต้องมานั่งทายาหม่อง เห็นแล้ว อ้ายที่เดิน

ผ่าน เออ เราก็อนุโมทนากับเค้า วันนั้น ไปต่างจังหวัด ไปเมืองกาญจน์ เจอพระเดินกันเป็น

ฝูงเลย จริงๆ อ้ายที่จุด start ไปเป็นแถว  มันหลายอำเภอ หลายตำบล จากแถวก็รวม

เป็นฝูง เดินเปะปะๆ อ้ายเณรก็เดินลากกลด แบกไม่ไหว อ้ายเราก็ เณรขึ้นรถไม๊  ขึ้นไม่ได้

เดี๋ยวอาจารย์ด่า                                                                                                     

                            เออ พอดีเรานั่งรถไปทางนั้น ก็เลยจอด                                           

                                                              เณรขึ้นรถไม๊
ขึ้นไม่ได้ เดี๋ยวอาจารย์ด่า                                                                                        

                                                    อ้าว แล้วไปถึงไหนล่ะ                                         

                                                                                                       ไปไกลนู้น

แน่ะ                                                                                                                    

                             โอ้โห เดินตายเลย                                                                     

                                                                         เดินทำไมเหรอ                             

              เค้าบอก มาเดินธุดงค์                                                                                

                                                             กูไม่เห็นมันธุดงค์ตรงไหน นี่ ถนนทั้งนั้น นี่

ดงตรงไหนบ้างเนี่ย                                                                        เค้าบอก เออ ก็

เดินตามๆ กันไป                                                                                                    

                    ก็ไม่เป็นไร ถือว่า เป็นการฝึกความอดทน ฝึกตบะ ฝึกอะไรก็แล้วแต่ที่จะยก

มาเป็นข้ออ้าง                               แต่ถามว่า เดินเพื่อแจกดี เดินเพื่อให้เห็นความดี  ไม่ใช่
เพราะดีมันอยู่ที่คน อยู่ที่คนทำดี ไม่ใช่อยู่ที่ให้มาโปรโมทดี โฆษณาดี หรือ ให้คนมาดูดี
นั่น ไม่ใช่เรื่องดี จบ
คุณมนัส   หลวงปู่ ธุดงค์ จุดประสงค์จริงๆ มันคืออะไรครับ
หลวงปู่   ธุดงค์ มันเป็นเครื่องขัดเกลากิเลส แล้วมันไม่ใช่มาเดินท่อมๆอยู่ตามข้างบ้าน         

                ตามถนนหนทาง มันเข้าป่า เพื่อจะขัดเกลากิเลส เพื่อปลีกวิเวก 3 กายวิเวก

จิตวิเวก และอุปธิวิเวก
กายวิเวก ก็คือ ความสงบทางกาย                                                                              

                                         จิตวิเวก คือ สงบจิต สงบใจ                                             

                                                                              อุปธิวิเวก คือ สงบกิเลส             

แต่อ้ายเดินอยู่ข้างถนนนี่ มันสอนอะไร ดีไม่ดี เดี๋ยวก็ รถเอาไปติดหน้าหม้อ                      

                                อ้าว มันแถไปแถมา เดี๋ยวรถก็เอาไปกิน
เมื่อ 2 วันนี้ ก็มีข่าวพระธุดงค์ โดนช้างเตะ เสือกซ่า อ้าว จะให้เค้าถ่ายรูปไง                    

                      สมัยก่อน เขาใหญ่ก็มีอยู่ 2 องค์ โดนช้างหวดตายไปองค์ แล้วอีกองค์ก็

ซี่โครงหัก
คุณมนัส   หลวงปู่ครับ ถ้าถามว่า ในสภาพปัจจุบัน ยังจำเป็นต้องมีเรื่องของการธุดงค์ไม๊ครับ

                 ผมเห็นพระหลายรูป
หลวงปู่   ที่จริงน่ะ ธุดงค์นี่ มันเป็นวินัยกรรมนะ มันมีธุดงค์ 13 คือ ลักษณะของผู้ถือ

วินัยธุดงค์                 เช่น การถือครองผ้าเก่า เรียกว่า ปลงจีวรเศร้าหมอง อย่างนี้ เป็น

ธุดงควัตร                                                           อยู่โคนต้นไม้ ไม่เข้าไปในที่มุง ที่บัง

อย่างนี้เป็นต้น                                                                                                    

ฉันในบาตร                                                                                                          

                               ไม่นอน เอาแต่นั่งกับยืน และเดิน อย่างนี้เป็นต้น                           

                                                                     ก็คือ ฝึกตัวเอง พัฒนาตัวเอง แต่ไม่มี

อ้ายที่เดินตามถนน ไม่มี                                                                          อ้ายเดิน

ข้างถนน นี่ มันเป็นธุดงค์ 14  เพิ่งจะมาเห็นธุดงค์ 14                

                                                          แต่ครั้งพุทธกาล เค้ามีแค่ 13 แต่นี่มี 14
งั้น การถือธุดงควัตรของพระนี่ เค้าธุดงค์เพื่อทำลาย ทำลายความเป็นอัตตา ตัวกู ของกู        

             ทำลายกิเลส ทำลายความถือตัว ถือตน แล้วก็ทำให้ตัวเองเผาผลาญกิเลสให้เร่าร้อน
คุณมนัส   แล้วพระไม่ไปธุดงค์ ผิดวินัยไม๊ครับ
หลวงปู่   ไม่ผิด เพราะธุดงค์นี่เป็นความชอบ เป็นปัจเจกบุคคล เป็นของปัจเจกชน               

                            ใครจะปรารถนา คือ ใครจะเคร่งครัด ปฏิบัติตน ก็ถือว่า ทำได้ ใครไม่

ปรารถนา ไม่เคร่งครัด                   ไม่ปฏิบัติ ก็ทำได้  แต่ว่า ต้นแบบเยี่ยงอย่างของ

ธุดงควัตรตลอดชีวิตนี่มาจาก พระมหากัสสปะ               ท่านเป็นพระธุดงค์ชั่วชีวิต จน

กระทั่งวันที่ท่านปรินิพพาน อายุท่านก็ตั้ง 108 ปี ในขณะที่อายุ 108 ปี ก็ยังไม่หยุด

ที่จะธุดงค์ พระพุทธเจ้าจึงบอกกับพระมหากัสสปะว่า กัสสปะ อายุปูนนี้แล้วก็                 

เพราะท่านแก่กว่าพระพุทธเจ้า ตอนที่พระพุทธเจ้าเกิด ท่านมาทำนายมหาปุริสลักษณะ       

            ยังเป็นมหาพราหมณ์ ตอนนั้น พระพุทธเจ้ายังเป็นพระมหาโพธิสัตว์ เป็นเจ้าชาย

สิทธัตถะ                       ท่านก็มาทำนายมหาปุริสลักษณะ แล้วก็ทำนายว่า กุมารน้อยผู้นี้

จะได้บรรลุพระอรหันต์             เป็นพระพุทธเจ้า  เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วท่านก็

ออกบวช รอกุมารน้อยที่จะมาบวชตาม
เพราะงั้น พระมหากัสสปะจึงเป็นผู้ที่มีอายุมากที่สุดในมหาสาวกทั้งหลายในอสีติมหาสาวก   

                     แล้วก็ชั่วชีวิตของท่านที่ออกบวช ไม่เคยเข้าบ้าน อยู่แต่ในป่าเป็นวัตร
คุณมนัส   ไม่ไปโปรดพ่อแม่
หลวงปู่    ก็เค้าตายหมดแล้ว ท่านบวช พ่อแม่ก็ตายหมดแล้ว ก็ไม่เข้าบ้าน อยู่ป่าเป็นวัตร    

                   ใครจะนิมนต์ไปตามบ้าน ไปตามอำเภอ ตามเมือง ตามจังหวัด พระราชา

พระมหากษัตริย์                      ท่านก็ไม่เข้า ไปบิณฑบาตร ก็ไปบิณฯตามชายคา ไม่เข้า

ไปในบ้าน                                                           สมัยก่อน เวลาพระบิณฑบาตร เค้า

ก็มักจะนิยมนิมนต์ ท่านเจ้าค่ะ มานั่งฉันบิณฑบาตรในบ้าน                      ท่านก็จะไม่เอา

เพราะถือธุดงค์ว่า จะไม่เข้าบ้าน เป็นผู้ออกจากเรือน ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือน
แล้วตั้งแต่นั้นมา ก็มีพระวินัยบัญญัติ มีหลักเกณฑ์ มีข้อปฏิบัติในการถือธุดงควัตรมาตลอด
งั้น การธุดงค์ ก็เลยกลายเป็นเหมือนกับธรรมเนียมปฏิบัติของพระ ผู้ปรารถนาที่จะพ้นจาก   

               อาสวกิเลส เพื่อทำลายมานะ ทำลายขันธสันดาน ทำลายทิฏฐิ ความเห็นอันผิด

พลาดบกพร่อง                   แล้วก็ทำลายอาสวกิเลสทั้งปวง
สมัยก่อนนี้ หลวงปู่อยู่ในป่า ตอนที่ออกธุดงค์ สัก 2 พรรษาแรก พรรษาแรกๆ 2 พรรษา

                                ก็ไปเจอพระผู้เฒ่า พระผู้ใหญ่ ก็เห็นท่านธุดงค์ เราก็เจอท่านอยู่

กลางป่า สมัยพระอาจารย์มั่น                  ลูกศิษย์ท่านไม่มีเดินตามข้างถนน ไม่มี ท่าน

อาจารย์ชา นี่เดินอยู่ในป่า ทุ่งคำซะอี                                   หลวงปู่ไปเจอเข้า ท่านก็ยัง

อยู่ในป่าอยู่ในทุ่ง เมื่อก่อนนี้ นาไม่ได้สะอาดแบบนี้ นามันก็จะมีป่าช้าเป็นเกาะ เกาะอยู่

ตามทุ่ง ทางภาคอีสาน ท่านก็ไปปักกลดอยู่ตามเกาะโน้นบ้าง เกาะนี้บ้าง พอเจอๆ กัน ก็

ตอนบิณฑบาตรในบ้าน
งั้น ไม่มีพระธุดงค์ยุคไหนที่ออกเดินตามข้างถนนเหมือนกับยุคนี้หรอก ยุคนี้ ก็มีธุดงค์ 14

เป็นธุดงค์พิเศษที่ตั้งขึ้นมาใหม่ แต่ก็เป็นสัญลักษณ์ที่จะประกาศให้ชาวบ้านเค้ารู้ว่า เอาล่ะ

ยังมีพระพันธุ์นี้อยู่ เพราะอยู่ในป่า มันไม่มีใครเห็นไง ก็มันดีแล้วไม่มีใครเห็นไง ก็เลยเอา

ดีมาอวดให้เห็นซะหน่อย               ก็ประมาณนั้นแหละ ก็เลยบอกว่า ดีสัญลักษณ์ ก็ผิดไม๊

ก็ไม่ได้ผิด ไม่เสียหาย เป็นการรณรงค์ เป็นการโปรโมท เป็นการชักชวน เป็นการเชิญชวน

เป็นการโฆษณา อะไรก็แล้วแต่เถอะ                                     แต่ทั้งหมดสรุปแล้ว ก็คือ

โฆษณานั่นแหละ จบ เป็นการตลาดอย่างหนึ่ง
คุณมนัส   ครับ ท่านหลวงปู่ มีคำถามขึ้นมาไม่มากนัก แต่คำถามอ่านแล้ว ก็โดนใจมาก       

                               พูดถึงโครงการของท่านหลวงปู่ว่า จะมีการปลูกบ้านศีล 5 ขึ้น อัน

นี้ไม่รู้เมื่อไหร่ยังไง                                 แต่ว่า ราคาประมาณ เอาไว้อยู่ที่ประมาณล้าน

ห้า
หลวงปู่   ใครบอกคุณ
คุณมนัส   เค้าเขียนมาครับ แล้วก็มีคำถามบอกว่า
หลวงปู่   ไม่ใช่มั๊ง
คุณมนัส   ไม่ใช่เหรอฮะ เค้าบอกหลวงปู่มีโครงการ
หลวงปู่   มีโครงการ แต่ยังไม่มีราคา
คุณมนัส   แสดงว่า เค้ารู้เชิงลึก ก็เลยฝากคุณมนัสช่วยถามให้หน่อย ล้านห้า พี่ไม่มีตังค์ พี่

มีอยู่ 5 แสน ให้หลวงปู่ลดเหลือ 5 แสน ได้ไม๊ เพราะบ้านหลังน้อยๆ ที่น้อยๆ
หลวงปู่   ก็ไม่เห็นยากอะไร ก็ไปตลาด ตามแถวอะไรนะ โบ๊เบ๊ เค้ามีเต็นท์ เดี๋ยว ยังไม่จบ

แล้วตรงไหนมันว่าง ก็ไปกางซักคืนหนึ่ง แล้วเค้ามาไล่ ก็ย้าย
คุณมนัส   ออกแคมป์
หลวงปู่   อ้าว มันก็นอนได้เหมือนกัน ง่ายๆ ของถูก แล้วศีลมันจำเป็นต้องอยู่บ้าน ถึงจะ

รักษาศีลได้เหรอ ไม่จำเป็น อยู่ในเต็นท์ ก็รักษาได้ ถ้าถามวันนี้ ก็ไปซื้อเต็นท์สนามหลวง     

                                                   มาทำไม                                                            

                                                                                                      มารักษาศีล     

                  แหม ยังไม่ได้ตีราคา แต่บ้านนี้ คนมีศีลเท่านั้น จึงเข้าไปอยู่ได้
คุณมนัส   จะสร้างที่ไหนครับเบื้องต้น
หลวงปู่   ก็ข้างๆ วัด ชั้นอยากจะทำสังคมคนมีศีลให้คนเห็นว่า บ้านไม่จำเป็นต้องมีประตูบ้าน

                  เราใช้ศีลเป็นเครื่องป้องกันรักษาบ้าน เราอยู่อย่างชนิดไม่ต้องเอาเปรียบกัน

อยู่แบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ศีล 5 ใครก็ได้ที่ทำศีลขาด ก็เตรียมย้าย
คุณมนัส   ผมว่า ทำบ้านศีล 5 คนอยู่ในบ้านน่าจะปลอดภัยนะ แต่คนที่ไม่มีศีลล่ะ เค้าก็

ปลูกบ้านได้
หลวงปู่   ก็ตั้งป้อมสิ ตั้งป้อมยาม มียามคอยดู ก็เดี๋ยว รอ เค้าถมที่ รอเค้าทำอะไรต่ออะไร    

                               ยังอีกนานหรอก คุณ
คุณมนัส    ใช่ เพราะว่าบุญใหญ่รออยู่แล้วนะฮะ พระนาคปรก ปกเกล้าปกแผ่นดิน ก็กลับ

มาเรื่องนี้
หลวงปู่    อ้อ ใช่ วันที่ 27 (มกราคม) เค้าจะมีกิจกรรม หล่อพระมหาพุทธพิมพ์ ชิ้น

สุดท้าย คือ หล่อพระเกศ ใครอยากจะมีบุญญาบารมีสูงส่ง มีสติปัญญา รุ่งเรือง รุ่งโรจน์

โชติช่วงชัชวาลย์ มีอายุขัยยาวนาน มีสุขภาพแข็งแรง แล้วก็มีวาสนายิ่งใหญ่ เกิดชาติภพใดๆ

จะได้เป็นเจ้าคนนายคน เป็นพระยา ลูกเจ้าพระยา มหากษัตริย์ แต่มีคนคนหนึ่งนะ เค้า

บอกนะ ไม่เป็นหรอก หลวงปู่ก็บรรยายอย่างนี้ เค้าบอก ผมไม่เอา ไม่เป็นหรอก ขอเป็นลูก

เจ้าพระยา ลูกมหากษัตริย์ เป็นคนไม่เป็น                                                แล้วมึงจะเกิด

เป็นลูกใคร
ขอเป็นลูก...... จริง
คุณมนัส    รวยดี ผมว่า เค้ามองเรื่องเดียว เรื่องรวย
หลวงปู่   ก็ใช่ เค้าบอกเค้าไม่แน่ใจว่า ลูกเจ้าพระยาจะรวยเท่ากับ..... เค้าแน่ใจว่า

.....นี่รวยแน่ เค้าขอเกิดเป็นลูก...... แล้วถามว่า ทำไม ถ้าคุณเกิดเป็น

ลูก.... แล้วทำไม ผมว่า ผมโตขึ้นนะ ผมจะเริ่มผลาญตั้งแต่เงินก้อนแรกจนก้อนสุด

ท้าย แล้วผมก็จะตาย                                                                                         

ไม่รู้ มันแค้นอะไรกับเค้าหนักหนาล่ะนะ นี่ อย่าไปออกนะ เดี๋ยวเค้าฟ้องชั้นแย่เลย
คุณมนัส   ก็ 27 (มกราคม) นะครับ เรียนเชิญทุกท่าน ตั้งแต่เช้า แต่งานจริงๆ มี

ตั้งแต่ตรุษจีน วันที่ 20 แล้วก็ไล่ไป หลวงปู่แจกอั่งเปาทุกวัน
หลวงปู่   แจกตอนเย็น                                                                                            

                                     นอกจากหล่อพระเกศ แล้วยังมีหล่อระฆังพระปริตร 108

เอาไว้รอบๆ เรียกว่า ทางมนต์ ระฆังพระปริตรให้คนมาตี ตีไปด้วย ก็เหมือนกับได้สวด

มนต์ไปด้วย รอบๆ องค์พระใหญ่ แล้วก็ยกพระใหญ่ขึ้นตั้งฐาน ใครอยากจะมีฐานะที่มั่นคง

เป็นปึกแผ่น เป็นเจ้าพระยา พระมหากษัตริย์ หรือ เป็นเจ้าคนนานคน เป็นผู้ที่ทำกิจกรรม

แล้วยั่งยืน รุ่งเรือง รุ่งโรจน์ อานิสงส์เค้า ก็คือ การไปยกพระประธาน  คนโบราณสมัยก่อน

เวลาเค้าสร้างโบสถ์ เจ้าภาพเค้าต้องไม่ให้ใครมายุ่งเลยนะ เรื่องพระประธาน เค้าจะต้อง

สร้างของเค้าเอง ลูกหลานของเค้าเท่านั้น คนที่จะสร้าง เค้าไม่ให้คนอื่นมายุ่ง เพราะเป็นบุญ

ใหญ่ เป็นอานิสงส์ใหญ่ แต่นี่ เป็นมหาพุทธพิมพ์ ก็ให้คนทั่วไป คนทั้งแผ่นดินได้ร่วมไม้

ร่วมมือร่วมใจกันยก แต่ก็เชิญท่าน ผบ ทบ  วันนั้น ไปเจอกัน คุณอนุพงษ์ คุณประวิตร
คุณมนัส   อีกหลายท่านครับ ท่านพลเอกสมทัต อัตตะนันทน์ อดีตผบ. สูงสุด และอดีต

ผบ.ทบ.      พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรมต. กลาโหมและอดีต ผบ.

ทบ. พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.

ฤกษ์กำหนดไว้ที่ 17.09  ทำไมครับ
หลวงปู่   ก็ปีนี้ ตอนเย็นจะเป็นมงคล ปกติทุกปี เราก็ชอบทำเช้า 9 โมง 9 นาที              

                               แต่ปีนี้ เย็นจะเป็นมงคล เพราะว่า ช่วงเปลี่ยนเดือนปีของวันในรอบ

นักษัตในระบบสุริยะคติ                                   เค้าเปลี่ยนตอนเย็น เทพเจ้าก็จะเปลี่ยน

อย่างเช่น ปีนี้ ปีอะไรนะ (ปีมะโรง)                          

             เพราะฉะนั้น เทพมุจรินทร์ก็จะมาเปลี่ยนเทพปีเถาะในช่วงเย็น                          

                                            เทพมุจรินทร์ ใครเคยไปไหว้หรือยัง วันที่เค้าหล่อ ช่าง

หล่อมันงงมาก ชั้นให้เค้าปั้นรูปเทพมุจรินทร์ เป็นเทพประจำปี เพราะว่าที่วัดจะมีเทพนัก

ษัตประจำปี ปีเถาะก็มีเทพที่ขี่กระต่าย ปีนี้ ปีมังกร                      ก็มีเทพที่ขี่พญานาค

เรียกว่า เทพมุจรินทร์ พญามุจรินทร์
คุณมนัส   ชื่อแม่ผมฮะ แม่ผมชื่อ มุจรินทร์
หลวงปู่   อ้อ เหรอ อ้าว คุณก็ไหว้... อ้ายวันที่หล่อ ชั้นไม่อยู่ไง ชั้นไปทองผาภูมิ เอา

พระไปธุดงค์ มันมาบอกให้ฟังว่า มันถ่ายรูปมา งูมันเต็มไปหมดเลยในบ้าน โรงหล่อเค้านะ

งูมาจากไหนไม่รู้        แล้วหลังจากหล่อเสร็จแล้ว เอาพระมาส่งที่วัด งูมันก็มาอยู่ที่วัด งูเขียว

งูหางไหม้ งูสารพัดงู                            พระเค้าก็ เอ๊ งูมาได้ไง เข้ามาในมูลนิธิฯ เค้าเอา

พระมาตั้งในมูลนิธิฯ งูก็มาอยู่ในมูลนิธิฯ                       วันที่หลวงปู่ วันนั้นวันอะไรหว่า

หลังจากไหว้ อ้อ วันปีใหม่ตอนเย็น หลังจากทำกิจภาระเรียบร้อยแล้ว ตอนเย็น ก็ไปวาง

เครื่องสักการะเทพมุจรินทร์ รุ่งขึ้นอีกซักอาทิตย์ เราก็ เอ กูจะเอาตังค์ที่ไหนมาจ่ายล่ะ ใส่

ซองไง ต้องใช้ซองแจกเด็ก ล้านสอง ซองละร้อย หมื่นซองเท่าไหร่ ล้านสอง ก็ทำเผื่อไว้ล้าน

สอง เอ จะเอาตังค์ที่ไหนหว่า                                                                                    

                              ก็หันไปมอง  นั่งอยู่เฉยๆ ช่วยกูทำมาหากิน
คุณมนัส   คนละกองสองกอง
หลวงปู่   ไม่ใช่ มองไปที่เทพมุจรินทร์
คุณมนัส   อ๋อ ช่วยกันทำมาหากิน บอกเทพ
หลวงปู่   เออ
คุณมนัส   เอาวะ ได้ล่ะ เทคนิค
หลวงปู่   นั่งเฉยๆ ช่วยกันทำมาหากิน                                                                        

                      เออ อาทิตย์ที่ผ่านมา รุ่งขึ้นอีกอาทิตย์หนึ่ง คนมันเอาตังค์มาถวายล้านนึง    

                                                 ก็ดี เค้ายังอุตส่าห์ช่วยทำมาหากิน                             

                                                                                     ถ้าไม่ช่วยทำมาหากินล่ะ

เป็นเรื่อง                                                                                                              

     ได้ทุนไปหล่อพระเกศแน่ ยังอุตส่าห์ช่วยกันทำมาหากิน                                            

                                เพราะงั้น คนดีต้องไหว้เจ้าไม๊                                                   

                                                                                   ไม่ต้อง เจ้าไหว้                   

    แต่คนไม่ดี ต้องขยันไหว้ ไหว้บ่อยๆ แล้วเดี๋ยวจะดี เพราะมันทำให้เราอย่างน้อย            

                                                      เจ้าจะได้ช่วยเหลือบำรุงดูแลรักษาทะนุถนอม

อุปถัมภ์ค้ำชูบ้าง                                                         เหมือนกับเด็กที่เข้าไปหา

ผู้ใหญ่บ่อยๆ ผู้ใหญ่เมตตาไม๊                                                                                   

         เออ ถ้านานๆ โผล่ที หรือ ไม่เคยโผล่เลย แม่ขอตังค์ อืม ทั้งปีทั้งชาติ กูไม่เคยเห็น

หน้าเลย                      อ้ายห่าราก เจอก็ขอตังค์ เออ ไม่ได้ มันจะเป็นพันธุ์นี้แหละ
งั้น ไหว้ไปเถอะ ลูก ถ้าไหว้แล้วฉลาด ก็ไหว้                                                                

                                     ถ้าไหว้แล้วโง่ เหมือนอ้ายที่เค้าไหว้ๆ กัน ก็อย่าไปไหว้แล้วกัน
คุณมนัส   หลวงปู่ ถามเรื่องตรุษจีนครับ เค้าบอกว่า ปีนี้มันแย่มาก หลายเรื่องที่จะต้องตั้งรับ 

             เรื่องสงครามอาจจะเป็นไปได้ เรื่องเศรษฐกิจยูโร ยุโรปก็มีปัญหา สงครามสหรัฐ

กับอิหร่าน              เรื่องน้ำมัน
หลวงปู่   เรื่องปัญหาเงินเฟ้อ
คุณมนัส  ใช่ ปัญหาเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้
หลวงปู่   เรื่องพวกนี้ไม่น่าห่วงนะคุณ ชั้นห่วง พ ร บ
คุณมนัส   แก้รัฐธรรมนูญ
หลวงปู่   ไม่ใช่ เรื่องพ ร ก ที่ออกมา ที่กระทรวงการคลังรับหนี้สาธารณะ นี่ ชั้นห่วงนะ
คุณมนัส   หนี้สาธารณะเยอะนะครับ
หลวงปู่   เพราะว่า รัฐบาลแต่ละชุดๆ ก็สร้างหนี้ อันนี้ ไม่รู้พวกคุณรู้ไม๊ แต่ความเป็นจริง     

                     ถ้า พ ร บ หรือ พ ร ก ฉบับนี้มันออกมาจริงๆ อย่างที่เป็นข่าว  ถ้า พ ร ก

ฉบับนี้ไม่ออก                        รัฐบาลมีกฏหมายจะกู้ได้กี่ % ของรายได้ จีดีพีของ

ประเทศ แต่พอ พ ร ก ฉบับนี้ออกมา                       รัฐบาลจะสามารถกู้ได้ไม่มีกำหนด    

                                                                                                         คุณเข้าใจ

ความหมายนี้ไม๊                                                                                                    

                           พอมันกู้ได้ แต่ไม่มีกำหนด รัฐบาลก็จะหาเงินเข้ามาทำอะไรก็ได้ แล้ว

รัฐบาลกู้แล้ว ใครเป็นหนี้               นั่นแหละ คุณจะเป็นหนี้มากขึ้น ที่แบงค์ชาติ เค้าเป็น

ห่วง แล้วหลวงปู่มีลูกศิษย์อยู่แบงค์ชาติเยอะ เค้ามาเล่าให้ฟัง คนไทยไม่รู้จะตกเป็นทาส

ของอ้ายคนให้กู้นี่ ไม่รู้อีกกี่ร้อยปีถึงจะเลิก
แต่ถ้า พ ร ก ฉบับนี้มันไม่ออกมา รัฐบาลจะกู้เงิน เค้ามีการบังคับว่า ห้ามกู้เกินจำนวน

ขนาดนี้              แต่พอ พ ร ก 4 ฉบับนี้มันออกมาปุ๊บ กฏหมายที่บังคับให้รัฐบาลกู้ มัน

ไม่บังคับ ก็จะปลดล๊อค                        แล้วตัวเองก็จะกู้ตามอำเภอน้ำใจ อยากจะกู้มาทำ

อะไร ก็กู้ได้ตามชอบใจ มันก็ปัญหาระยะยาวมาถึงพวกเราท่านทั้งหลาย งั้น ปีต่อไปนี้ ก็

เป็นปีแห่งความเป็นหนี้กันถ้วนหน้า
อ้าว จริ๊ง จริง เพราะถามว่า ณ. วันนี้ เรามีหนี้อยู่แล้วใช่ไม๊                                         

                                                 เป็น แต่มันมีกฏหมายล้อมไว้ว่า ห้ามเป็นคนละเท่าไหร่

เพราะกฏหมายมันล๊อคเอาไว้ว่า                               คุณเป็นได้ไม่เกินนี้ อย่างน้อยก็ไม่

เกินคนละร้อยบาท หรือว่า พันบาท แต่พอกฏหมายนี้                           มันโดนทำลายไป 

ต่อไปคุณจะเป็นหนี้ได้คนละ 5 ล้าน หรือว่า แสนนึง
คุณมนัส   ใช่ครับ มันดูแย่มาก เวลาฝากเงิน เดี๋ยวนี้ มันก็มีนโยบายที่จะออกมารับ             

                           เพื่อช่วยในการใช้หนี้ประเทศ
หลวงปู่   โดยดึงเงินฝากของคุณไปกี่ %
คุณมนัส   ใช่ครับ ก็ประมาณ 0.4 % เงินที่เราไปฝากปกติ เราได้ดอกเบี้ยพอสมควร

ก็ไม่มีแล้ว
หลวงปู่   คือ เงินที่คุณมี ถ้าคุณไปใส่ธนาคารปุ๊บ ธนาคารเค้าจะดึงเอาไปช่วยใช้หนี้ให้        

                           ไม่ใช่ใช้หนี้ให้คุณนะ ใช้หนี้ให้รัฐบาลเท่าไหร่นะ
คุณมนัส   0.4%  แล้วก็มีสถาบันเงินฝาก เมื่อก่อน เรามีเงินฝาก เค้าคุ้มครองเงินฝาก

เรา                                  เดี๋ยวนี้ไม่คุ้มครองแล้ว
หลวงปู่   อ้าว พวกเศรษฐีทั้งหลาย ที่มีเงินฝากน่ะ เตรียมตัวเถอะ
คุณมนัส   เค้าวิเคราะห์กันว่า ให้ซื้อทองเก็บกันนะครับ
หลวงปู่   ไม่งั้น ก็มาให้วัดอ้อน้อยกู้
คุณมนัส   ดีที่สุด
หลวงปู่   คุณสุนันทา เตรียมตัวเถอะ
คุณมนัส   ท่านกำลังอยู่ในสมาธิครับ ตั้งใจฟัง
หลวงปู่   เพราะฉะนั้น เนี่ย ชั้นห่วง ชั้นห่วงเรื่องนี้                                                        

                       ห่วงว่า คนไทยจะเป็นหนี้กันถ้วนหน้าเพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้จบสิ้น เพราะทุก

วันนี้ ก็เป็นหนี้อยู่แล้ว แต่เป็นหนี้ระยะน้อย จำนวนมูลหนี้มันน้อย แล้วมีกฏหมายบังคับ ก็

ไม่เกินนี้แล้ว เพราะรายได้ประชาชาติแต่ละหัว ไม่สามารถจะเกินกว่านี้ แต่ณ. วันนี้

กฏหมายนี้ออกมาปุ๊บเนี่ย รายได้ประชาชาติจะเท่าไหร่ เค้าไม่สนใจ แต่กูจะกู้เท่าที่กูอยากกู้
คุณมนัส   มันก็คงจะเป็นอย่างนั้น
หลวงปู่   เค้าผ่านมาแล้วด้วย ใช่ไม๊
คุณมนัส   ใช่ครับ
หลวงปู่   เออ ต่อไปนี้ เงินพวกคุณอยู่ในธนาคาร ก็จะหายไปๆ ๆ หายไปเพื่อเอาเงินไปใช้

อะไร                   ไปใช้หนี้ให้กับรัฐบาลเท่าไหร่   0.4%
คุณมนัส   แล้วก็ไปหักอีกอันหนึ่งนะฮะ แบงค์เค้าก็โดนหักเรียก ค่าธรรมเนียมส่งเข้าหนี้

กองทุนเหมือนกัน อันนั้น 0.3%
หลวงปู่   เพราะฉะนั้น ชั้นถึงได้บอกว่า ปีต่อไปนี้ เป็นปีของเฟ้อกับฝืด                             

                                  แต่เฟ้อกับฝืด อันไหนมาแรงกว่ากัน ฝืดมาแรงกว่าเฟ้อ               

                                                                         เพราะถ้ามันโดนหักแบบนี้ ทุกคนก็

จะไม่ยอมจ่ายเงิน
คุณมนัส   ใช้เงิน
หลวงปู่   ทุกคนก็ไม่ยอมใช้เงิน แล้วอ้ายเงินที่ไปฝากไว้ ที่ธนาคารจะเอาไปหมุน เพื่อจะให้

โครงการต่างๆ กู้ มันก็โดนถอนมาลงทุนนอกระบบ
คุณมนัส   คือ ดอกเบี้ยกับเงินต้นพอๆ กัน
หลวงปู่   มันพอๆ กัน พวกมีเงินในธนาคารก็จะถอนมาลงทุนนอกระบบ เช่น ทุนทอง ทุน

หุ้น อะไรทั้งหลาย เพื่อไม่ให้รัฐบาลมาเจียดเงินของเค้าไปจ่ายหนี้สาธารณะ
คุณมนัส   ฝากวัดอ้อน้อยดีกว่า เปิดเป็นธนาคาร
หลวงปู่   เดี๋ยวพอประมาณมาก แล้วเดี๋ยวชั้นตัดชุดซักชุดหนึ่ง
คุณมนัส   ชุดอะไรครับ
หลวงปู่   ชุดฆารวาส
คุณมนัส    อ๋อ พอเยอะๆ แล้ว สึกเลย
หลวงปู่   ไม่ ก็เอาเงินเค้าไง
ตุณมนัส   ผมอยากถามว่า ช่วงตรุษจีนที่วัดอ้อน้อย เห็นขึ้นในใบโฆษณาบอกว่า                

                           มีวิธีแก้ชงด้วย ใครชง ใครอะไร
หลวงปู่    ปีนี้ มีว่า ฉลู ปีชงตรงนะ
คุณมนัส   ชงแรงด้วย
หลวงปู่   ฉลูกับอะไร
(จอ)
หลวงปู่   มะแม มะโรงก็ชงตัวเอง เอ้า เค้าให้ไปหล่อพญานาคหรืองู หรือ บูชานาค คือ งู เอ้า

พอดีเลย หลวงปู่เดี๋ยวปีนี้ ทั้งปีจะหล่อพญานาค อ้าว พระนาคปรก มันต้องมีพญานาค ไม่ใช่

เหรอ หรือ จะหล่อมาลัย
คุณมนัส   พระไหลปรก
หลวงปู่   แหม หลวงปู่คำนวณไว้เมื่อ 5 ปีที่แล้วว่า จะหล่อพญานาคปีไหน ไว้เรียบร้อย    

                        ก่อน 5 ปีนั้น คนถาม ทำไมไม่หล่อพญานาค มันยังไม่ถึงเวลา              

                                                            ปีนี้ถึงเวลาที่จะหล่อพญานาค เพราะว่ามัน

เป็นปีชงของพญานาค
งั้น ใครที่เป็นปีพญานาค ปีมังกร มังกรแก้วทั้งหลาย ก็ไปหล่อพญานาค                            

                          นาคไม่ใช่หล่อเล็กๆ นะ ลูก หล่อนาคใหญ่                                         

                                                          นาคที่หลวงปู่หล่อนี่ สูง 180 เมตร ตั้งแต่

ฐานถึงปลาย...ของนาค 180 เมตร                                                           งั้น ก็

เดี๋ยวก็ไปหล่อ เพราะเฉพาะองค์พระ ก็สูงประมาณร่วม 27 เมตร ตั้งต่ฐานจนถึงพระเกศ  

              ตัวพระเกศนี่ ปาเข้าไป 7 เมตรแล้ว งั้น ใครชงอะไร ก็เดี๋ยวไปหล่อพระ หล่อ

พระแก้ชง                          คุณมนัส   ตอนนี้เอาเบื้องต้นก่อนนะครับ ผู้ชมรายการวิ

ถึธรรม วีถีไทย ชงหลายปีกันเหลือเกิน ใครแนะนำเยอะไปหมด มันสับสนไปหมด เอาไงดี
หลวงปู่   ที่จริง ถ้าเป็นชั้นนะ ชั้นเฉยๆ ก็บอกแล้วว่า ถ้าคนดี เทวดารักษาทำดี เทวดาคุ้ม

ครอง                    คนดีไม่ต้องไหว้อะไร มีแต่อะไรมาไหว้เรา  พูดอย่างนี้ ก็ไม่ใช่ งั้น กู

ดีแล้ว ไม่ต้องไหว้อะไรแล้ว แน่ใจเหรอว่า ดีจริงๆ ดีแบบชนิดเทวดาอภิบาลบำรุงรักษา       

                                                            ประมาณว่า หันหน้าไปแล้วก็ ช่วยกันทำมา

หากิน แล้วได้ อย่างนี้ ประมาณนี้ ให้ดีให้ได้ประมาณนี้ เออ ก็หลวงปู่ ดีจริงๆ เมื่อวัน วัน

ไหนหว่า อ้อ กลับจากธุดงค์แล้วก็ไปตรวจงานในโรงเจ แล้วงานอะไรมันก็ยังคั่งค้างเยอะแยะ

ก็ยังขาดสตางค์ ขาดทุนที่จะมาทำ                                                                     เราก็

เดินไปหน้าโรงเจ                                                                                                   

                                   ยืนอยู่น่ะ เมื่อยไม๊                                                               

                                                                     พระโพธิสัตว์พระกวนอิม เค้ายืนอยู่ไง  

                                                                                                                  ยืน

อยู่น่ะ เมื่อยไม๊ ถ้าเมื่อย ก็เดินไปหาตังค์มาบ้าง                                                            

                         ได้ผล รุ่งขึ้นมา 9 แสน                                                                

              (โอ้โห)
คุณมนัส   ...ซาดิส คนมาถวายเหมือนกันนะฮะ นี่ซาดิส
หลวงปู่   อย่าขอบ่อย
คุณมนัส   ขอดีๆ ไม่ได้ฮะ ต้องซาดิสแบบนี้
หลวงปู่   อ๋อ ต้องซาดิส                                                                                           

                                เอ้า โดยสถานภาพชั้นเนี่ย ไหว้ไม่ได้ มีสองมือ ก็ไหว้ไม่ได้ สองเข่า

ก็คุกไม่ได้                                           หนึ่งหัว ก็ก้มไม่ได้ หนึ่งใจ ยอมรับได้ เพราะ

สถานภาพของเราไหว้เทพเจ้าไม่ได้                                        อ้าว รู้เปล่า ทำไม            

                                    (เป็นพระ)

เออ ศีลและธรรมมันเยอะกว่าเทพเจ้า                                                                        

                        ถ้าไหว้แล้ว จะทำให้เทพเจ้าเหล่านั้นเป็นบาป ก็ใช้วิธีแบบซาดิสอย่างนี้
คุณมนัส   ขู่บ้าง จิกบ้าง บอกบ้าง
หลวงปู่   ขอกันตรงๆ เลย เห็นเวลาหลวงปู่ไปวางเครื่องบูชาพระกวนอิม ยกมือไหว้ไม๊ล่ะ     

                    ไม่ หลวงปู่จะไม่ยกมือไหว้
คุณมนัส   ท่านหลวงปู่ครับ นอกจากกิจกรรมสำคัญในช่วงตรุษจีน แล้วก็ในวันที่ 27 ที่

วัดก็จะมีงานใหญ่เนี่ยนะครับ เห็นว่าถัดไปจากนั้น คือวันที่ 27 เป็นวันศุกร์ งั้น ก็ท้าทาย

บารมีธรรมท่านมากว่าท่านจะสละเวลาแบ่งสรรเวลายังไง ให้ได้ไปร่วมงานยกพระครั้งนี้ให้

ได้เนี่ยนะ
หลวงปู่   วันศุกร์นี้ เห็นว่า เป็นวันครบรอบนักเรียนนายร้อย
คุณมนัส   ใช่ครับ
หลวงปู่   ตอนแรก ผบ. เค้าก็บอกว่า ไม่รู้จะมาได้หรือเปล่า แต่เมื่อวานนี้ เห็นพลเอก

วรเดช เค้ามาส่งข่าวว่า ผบ. พอรู้ว่า เรามีงานตอนเย็น เค้าก็บอกว่า คงจะปลีกตัวมาได้

ถ้าสมเด็จพระเทพฯ ไม่ทรงเลี้ยงพระกระยาหาร ทุกปีท่านเสด็จ ท่านจะทรงเลี้ยงพระ

กระยาหาร หรือ ถ้าท่านทรงเลี้ยงในเวลาเที่ยงหรือบ่าย
คุณมนัส   เห็นว่า พอเราหล่อพระเกศพระนาคปรกเสร็จแล้ว หล่อระฆังพระปริตรเสร็จแล้ว

ยกองค์ฐานพระนาคปรกขึ้นเรียบร้อย วันที่ 29 จะเปิดโอกาสให้มีประมูลของไหว้ ให้

ท่านหลวงปู่ได้อธิบายตรงนี้หน่อย ของไหว้คืออะไร
หลวงปู่   คนจีนเค้าเรียกว่ะไร อาม่า อาม่าไปไหนล่ะ
คุณมนัส   อ๋อ วันนี้นั่งแถว 2
หลวงปู่   ประมูลของไหว้ เค้าเรียกอะไร                                                                     

                                  เออ เปียของมงคล เค้ามีส้มมงคล มีของมงคล ส่วนใหญ่เค้าเปีย

วัตถุมงคล
คุณมนัส   มีอะไรบ้างครับ
หลวงปู่   ไม่รู้ เยอะแยะไปหมด เยอะมาก วัตถุมงคลชั้น วันให้จองพระปรอท จองแปดพัน  

               มันไปขายกัน เมื่อวานนี้ ใครไปเช่ามา 5 หมื่น เก๊สนิท ได้ไปจมเลย คนนั้น

ไม่รู้ไปเช่าที่ไหนมา                                   ถามว่า พระปรอท มันดีอย่างไร ก็มันไว

อย่างปรอท รวยไง
คุณมนัส   หลวงปู่หนักใจไม๊ครับ
หลวงปู่   ไม่รู้ ชั้นไม่หนักใจ คนที่เช่าไป  ไปขาย 5 หมื่น แสนนึง แต่ชั้นได้ แปดพัน
คุณมนัส   เรียบร้อย เลิกทำฮะ
หลวงปู่   แบ่งลูกหลานหากินบ้าง
คุณมนัส   ท่านหลวงปู่ฮะ ช่วงท้ายแล้วครับ มีคำถาม
หลวงปู่   มีแจก เมื่อวานประกาศไปแล้ว เมื่อวานไม่ได้แจกพระ แต่มีแจกพระนาคปรก      

                  หลวงปู่เมื่อคืนจารถึงตี 2 แล้วก็จารตอนเช้ามืด เลิกงานไป ก็ไปนั่งจารพระ

เหรียญพระนาคปรก            จะแจกวันที่ 27 เป็นเหรียญห้อยคอ แต่กำลังจารอยู่ เมื่อ

วานนี้ ไม่ได้แจกเหรียญ เพราะรับปากเค้าจะแจกวันที่ 27  พระที่แจกทุกปีๆ จากแจก

เดี๋ยวนี้ กลายเป็นห้าพัน หมื่นห้า สองหมื่น อะไรไม่รู้               มันไปขายกัน หลวงปู่ไม่

ได้จารเยอะ จารประมาณ 3 พันองค์ เพราะมีเวลาอยู่ไม่กี่วันนี่                                     

      5 วัน เหลืออีก 5 วัน อยู่ในงาน ก็คงจารไม่ได้
คุณมนัส   ท่านหลวงปู่ มีคำถามมานะครับ เรื่องของสุขภาพทั้งนั้นเลยครับ
หลวงปู่   ว่า  เดี๋ยว 3 โมง ชั้นต้องเลิกแล้วนะ เพราะว่า วันนี้เค้านิมนต์ให้ไปเผาศพ ใคร

ล่ะพิธีกรรายการวิทยุ แม่เค้าเสีย วัดอะไรหว่า แถวๆ กิโลเมตรที่ 7 วัดอะไร ต้องถามคน

ขับรถ
คุณมนัส   มีคำถามว่า ธรรมะบันเทิง คลื่น 89.5 เอฟ เอ็ม
หลวงปู่   มันดึกไป แล้วหลวงปู่มองว่า ค่าสถานีเค้าแพงมาก
คุณมนัส   ตกลงเลิกแล้วใช่ไม๊ฮะ
หลวงปู่   ก็เดี๋ยวก็หาสถานีใหม่ แต่พอเลิกแล้ว แม่คนจัดเค้าตาย เพราะเหี่ยวไม่ได้ฟัง

ชั้น...                       คือ เค้าเป็นมะเร็งอยู่แล้ว เราก็ไม่

รู้เค้ารักษากันยังไง
.........
ถ้าใจคนเรามีเครื่องอาศัยที่เป็นกุศล ก็จะทำแต่กุศล คิดแต่กุศล แล้วพูดในเรื่องกุศล             

                        ถ้าใจคนเรามีแต่อกุศลเป็นเครื่องอาศัย มันก็จะทำเพื่อเบียดเบียน คิดเพื่อ

เบียดเบียน และพูดด้วยการเบียดเบียน  และสะสมแต่สิ่งที่เป็นอัปมงคล อกุศลอยู่เนืองๆ

แล้วคนพวกนี้ ให้ไหว้เจ้าให้ตาย                  ไหว้พระทั้งชาติก็ไม่ได้รับพรอะไร ซึ่งต่าง

กับคนที่มีกุศลเป็นเครื่องอยู่ เครื่องอาศัย แม้ไม่ไหว้เจ้า ไม่ต้องไหว้พระ ไม่ต้องขอพร เทพ

ก็จะดลบันดาล พรหมมารก็จะอภิบาลรักษา เทวดาก็จะช่วยบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ แล้วส่วน

ที่เป็นกลางๆ ล่ะ กุศลบ้าง อกุศลบ้าง อกุศลบ้าง กุศลบ้าง                       สลับสับเปลี่ยน

อย่างนี้ ต้องขยันไหว้ ขยันทำ แล้วในห้องนี้ มีประมาณไหนเยอะ                                    

       ใช่เหรอ กลางๆ งั้น ก็เลยอยากบอกว่า ถ้ามีโอกาส ทำในสิ่งที่คิดว่า มันดีที่สุดของตัว

เองและเป็นที่พึ่งอย่างยั่งยืนและแข็งแรงทั้งภายในและภายนอก และชาตินี้และชาติหน้า      

                                               นั่นแหละ คือ สิ่งที่ควรทำ เจริญธรรม
คุณมนัส   งั้น ยานอนหลับ หลวงปู่
หลวงปู่   นี่บอกแล้ว เพราะเราไปกินแต่ยานอนหลับ คนเราบางทีบางครั้ง ถ้าจิตเป็นอกุศล

ให้กินยานอนหลับ มันก็ไม่หลับ ถ้าจิตเป็นกุศล แม้ไม่กิน มันก็หลับ เพราะจิตมันสงบง่าย งั้น

นี่คือ เครื่องอยู่
แล้วยาหลวงปู่ ไม่ได้เสียหายอะไร กินมากก็ไม่ได้เป็นอะไร เพราะมันเป็นผัก ยานอนหลับ

มันก็สกัดมาจากพวกผักกาดขาว รู้จักผักกาดขาวไม๊ เออ ผักกาดขาว กินแล้วมันจะทำให้

ผ่อนคลาย นอนหลับง่าย ต้นหอม ผักกาดหอม แต่ไม่ใช่ผักกาดขาวที่ซื้อมา อ้ายที่เค้าฉีดนะ

ที่เค้ากินกับสาคูใส้หมู เออ ผักกาดหอม มันไม่ได้เสียหาย สกัดมาจากดอกขี้เหล็ก กินไปเฮ

อะ ไม่ได้เสียหาย
แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า เราจะกินมันทั้งชาติเหรอ ทำไมไม่รู้จักรักษาและหาเครื่องอยู่ เครื่อง

อาศัยที่เป็นกุศลสำหรับอยู่บ้าง เวลานอน จะได้นอนหลับสนิท และไม่ฝันร้าย แล้วสำคัญ

ชั้นรู้มาจากตัวเอง แล้วก็สังเกตคนไข้ คนที่กินชามาก กินเหล้ามาก ดูดบุหรี่มาก กินกาแฟ

มาก ดื่มกาแฟมาก แล้วก็กินของหมักดองมาก รวมทั้งกินยาที่เป็นสารเสพติดมาก แล้วก็

กินยาที่เป็นผลพวงในตับในไตมาก  พวกนี้จะนอนทุรนทุราย นอนหลับไม่สนิท จะดิ้นทุรน

ทุราย ขลุกขลักๆ บางคนไม่รู้ตัวเอง ว่าเป็นโรคอะไร กินยาเพิ่มก็ยิ่งหนักกว่าเก่า
เพราะงั้น วิธีก็คือ หันไปดูเรื่องเก่าของชีวิตเราว่า เมื่อวานนี้ เมื่อคืนนี้ เมื่อเช้านี้ เรากินอะไร

แล้วเราลดมันลงแล้ว เราลองนอนลงกลางคืน แล้วจะรู้ว่า กลางคืนนอนหลับดีขึ้น เพราะงั้น

ตับกับไต เป็นผลแห่งการนอนหลับ ถ้าไตไม่ดี ตับไม่ดี เราจะนอนหลับไม่ได้ดี งั้น ดูแลตับ

และไต ตับ ไต ใจ ปอด  4 อย่างนี้ มันเป็นผลพวงให้เกิดอาการพักผ่อนได้ดีกับไม่ดี
งั้น ตับ ไต ใจ ปอด จะดีได้ เราต้องเรียนรู้ชีวิต ศึกษาวิชชา ลุถึงปัญญา นำพาชีวิต
ให้ทุกท่านรุ่งเรือง เจริญ มีสติตั้งมั่น คิดหวังสิ่งใด สมความปรารถนา เจริญธรรม
กำลังให้เค้าไปหาเช่าช่องทีวี เคเบิลทีวี เค้าเรียกว่า จานอะไรนะ จานส้มเหรอ ช่องอะไร        

                     ใครติดตั้งช่องนี้บ้าง ยกมือ มีไม๊                                                           

                                                                  ไม่มีเลย  อ้าวแล้วกูจะเล่นยังไงดีวะ ที่นั่ง

อยู่นี่ ไม่มีเลย                                                                                    ไหนบอกว่า

ดูทั้งประเทศ ประเทศไหนวะ ลาวเหรอ                                                                       

             จานดำ อ้าว มีจานดาวเทียมไม๊                                                                    

                         (มีค่ะ) ไม่ใช่จานข้าวนะ                 

เอ้า ติดช่องนี้ อธิบายให้เค้าฟังซิ                                                                                

                                        เออ (ช่อง 112) ดาวเทียมดำๆ                                   

                                                                            ได้ ได้ทั้งจานดำ จานส้ม ได้หมด

ครับ                                                                                                           แล้วนี่

กูไปแสดงให้ใครฟังเนี่ย                                                                                          

                                 อ๋อ กรุงเทพ เค้ากระจอก ไม่ค่อยมีจาน                                      

                                                                          เค้าไม่ใช้เคเบิลเหรอ                     

                  (เคเบิลต่างจังหวัดอย่างเดียวครับ)         

                                                                                                         อ้าว นี่ เค้า

บอกใช้แต่เคเบิล                                                                                                    

                         ใช้จาน                                                                                        

            (ต่างจังหวัด ใช้เยอะครับ หลวงปู่)               

                                                                                                               เหรอ    

              (ส่วนมากจะเป็นต่างจังหวัด)               

                                                                                                               อ้าว

แล้วกูจะไปแสดงธรรมให้ใครฟังวะ                                                                           

                                       ช่องอะไร                                                                      

                                   112      

                            เออ เปิดไปเฮอะ 112 เจอก็เจอ ไม่เจอก็คือ ไม่เจอ 3 ทุ่ม วัน

จันทร์ กับวันศุกร์                                                เออ เวลาดีด้วย 3 ทุ่ม – 4 ทุ่ม

จันทร์กับศุกร์ รายการปุจฉา วิสัชนา
เอ้า เตรียมถวายทาน ลูก