Print
Hits: 2241

3 ก พ 56  ณ. วัดอ้อน้อย ปุจฉา เรื่องโรงงาน


ปุจฉา      อ่านหนังสือพิมพ์ เห็นข้อความว่า เหตุที่หลวงปู่ ปลดป้ายหน้าวัดลง เพราะได้รับ

เงิน 10 ล้าน จริงหรือเปล่า
วิสัชนา         กูก็รวยล่ะสิ เอ่อ มันก็ว่า ไป เพราะว่า มันก็มีวิธีการที่จะดิ้นรนของคนที่ผิดน่ะ

หาเหตุให้เราต้องดูเหมือนเป็นที่ๆ ไม่น่าเชื่อถือ น่ารังเกียจของสังคม อ้ายที่ป้ายมันหาย ก็

เพราะว่า ลมมันพัดขาด นี่เค้าก็เริ่มติดขึ้นไปใหม่
เออ ในสายตาพวกมึง เห็นว่า กูเป็นคนเห็นแก่เงินเหรอ (ไม่) เอ๊อ
งั้น เลอะเทอะ เฉยๆ หลวงปู่ไม่รู้สึกอะไร เพราะกู ว่าง หลังจากกูเขียนป้ายขายแล้ว กูก็ว่าง
แล้วกูก็ลุ้นว่า ให้กูขายได้ ให้กูขายได้ ใจกูอยากให้ขายได้จริงๆ นะ เพราะกูขายได้ แล้วก็จะ

ว่างมากๆ เลย อยากขายได้จริงๆ มึงช่วยหานายหน้า ทำเป็นนายหน้า มาซื้อหน่อย เออ ขาย

อยากขายได้
แต่ก็ มันเป็นธรรมชาติ หลวงปู่บอกกับพระเค้าว่า ถ้าหลวงปู่ไม่ทำอะไรซักอย่างหนึ่ง มันก็

จะมีคนตายผ่อนส่งไม่เลิก เพราะงั้น เราก็ต้องยอมตายเพื่อให้ได้เกิด คนอื่นจะได้ไม่เดือด

ร้อนกับเรา ผมน่ะไม่อยากให้ใครมาเดือดร้อนกับเรา ก็เลยต้องทำอะไรซักอย่างหนึ่ง
แต่ทำ เพราะคิดว่า ถ้าเรายังใช้ชื่อว่า พระโพธิสัตว์อยู่ แล้วเห็นชาวบ้านเดือดร้อน เด็กทุรน

ทุราย พระเจ้าวุ่นวาย แล้วเราไม่ทำอะไรเลย มันก็แสดงว่า เราไม่สมควรจะใช้ยี่ห้อนี้ เรา

ต้องทำอะไรสักอย่างหนึ่ง แม้จะมีคำขู่ คำขอ คำตะคอกอะไรมา ก็เฉยๆ
หลวงปู่ไม่ได้กลัวฟ้า กลัวดิน ไม่ได้เกรงกลัวอะไร กูกลัวอย่างเดียว กลัวไรกับทุเรียน
กลัว 2 อย่างนี้แหละ กูกลัวไรกับทุเรียน เอาทุเรียนมาวาง สุกๆ ล่ะก็ จะโงก เออ แล้วก็ ไร

กูจะทุรนทุราย อยู่ไม่ได้
ไม่ได้กลัวอะไร๊ ไม่ได้หวาดกลัว แล้วก็เลยป็นต้นแบบให้กับชาวบ้าน ที่เค้ากำลังเดือดร้อน
นี่ จะไปหาเรื่องตายกับเค้าอีกแล้ว ชาวบ้านดอนตูม เค้ารับฝุ่นพิษจากโรงงานเผายาง พื้น

ถนน พื้นบ้าน ตามใบไม้ ใบหญ้า พืชผักสวนครัว แปลงผัก นี่มีแต่อ้ายฝุ่นพิษ ดำๆ ติดเต็ม

ไปหมด จนชาวบ้านเป็นมะเร็งกันหลายคน เด็กก็มีสารพิษตั้งแต่อยู่ในท้อง ออกมาก็พิการ
เค้าร้องกันมาไม่รู้กี่ปีแล้ว ก็ยังไม่ได้ผลอะไร เห็นหลวงปู่ประกาศขายวัด แล้วได้ผล เลย

ประกาศขายหมู่บ้านบ้าง แต่มันทำได้แค่ครึ่งวัน นายอำเภอมาบังคบให้เอาออก บอกว่า

อย่าไปเอาอย่างวัดอ้อน้อย บ้า เออ กูบ้าก็ไม่เป็นไร กูก็ทำแบบกู คนบ้าๆ นี่แหละ
เออ ปัญหาของสังคมไทยเรา ข้าราชการไทยเรา มันจะชอบมูลค่า แต่ไม่เห็นคุณค่า
ชอบมูลค่า คือ ชอบนายทุน เพราะนายทุนให้มูลค่า แต่ไม่เห็นคุณค่า คือ มันไม่เห็นคุณค่า

ของชีวิต สังคมรอบข้าง ไม่เห็นคุณค่าของประชาชน ทั้งๆ ที่ ข้าราชการ มันคือ ขี้ข้า ขี้ข้า

ประขาชน แต่ก็ไม่สำนึกถึงหน้าที่ของตน
ก็หลวงปู่ทำขนาดนี้นี่ อ้ายสำนักพุทธฯ มันยังออกมาขู่ บอก จะมาตรวจสอบ บอก มึงมาเลย

มาตรวจสอบ แต่มึงอย่าลืมว่า ต้องไปตรวจสอบวัดอื่นด้วย เฉพาะวัดอ้อน้อยไม่ได้
ที่จริง สำนักพุทธฯ มันมีหน้าที่ต้องบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้ศาสนา มันไม่ใช่มีหน้าที่มา

ป้องกันโรงงาน มันต้องมาดูว่า เออ พระท่านขายวัด เพราะเหตุอะไร ต้องมาสอบถาม นี่ ไม่

โผล่หัวมา อยู่ดีๆ มาบอกว่า จะมาตรวจสอบทรัพย์สิน อะไรอย่างนี้
ให้มันมา ไม่กลัว เพราะวัดอื่นเค้า มันน่าจะตรวจสอบมากกว่า หลวงปู่ไม่เคยมีสตางค์ไป

ฝากธนาคารไหน บัญชีเค้ามีอยู่ บัญชีวัด บัญชีมูลนิธิฯ ไม่มีบัญชีหลวงปู่ เพราะงั้น ไม่กลัว

แล้วเมื่อไม่มีบัญชี ก็ไม่ใช่มีสมบัติ เป็นคนไม่มีสมบัติ ก็ไม่กลัว
และอ้ายที่จะต้องมาตรวจสอบ ก็ต้องทำหน้าที่ให้ตรงไปตรงมา ต้องตรวจสอบทั้งแผ่นดิน

โดยเฉพาะอ้ายวัดใหญ่ ๆ ดังๆ ดูว่า สมภารมีตังค์เท่าไหร่ เออ ต้องไปตรวจสอบแบบนั้น เออ

อ้ายวัดไมบัค วัดอะไร อะไรนะ
เออ เมื่อวานซืนได้ยินข่าวไม๊ ใครเค้าเอาข่าวมาให้วะ เห็นว่า นอนกอดน้องหนู อะไรอยู่ ที่

ไหน ได้ยินไม๊ เอ๊อ มีคนเต้าเอามาให้ อีประคองเค้าเอามาให้ดูภาพ เออ หน้ามันเหมือนๆ

กันอยู่ เค้าก็บอก กลั่นแกล้ง เค้าโดนกลั่นแกล้ง
พิธีกร     แล้วที่มีจดหมายส่งมาข่มขู่หลวงปู่ นี่ จริงหรือเปล่าฮะ
หลวงปู่        อ๊อ มันไม่ได้ส่งมาข่มขู่ เค้าส่งดอกไม้มาให้
พิธีกร     อ๊อ
หลวงปู่      ดอกไม้จัน เค้าส่งดอกไม้จันมา
พิธีกร     อ๊อ ครับ
หลวงปู่     ไม่มีอะไร๊ เอ่อ อ้ายที่ลำบากใจ ก็คือว่า พระเค้าไม่เป็นอันต้องหลับต้องนอน ต้อง

เข้าเวรกัน ก็เลยบอกว่า จะไปทำอะไรเค้า ถ้าสมมุติว่า มันจะมาทำร้ายหลวงปู่จริง มึงจะ

ไปทำยังไง มึงมีอาวุธไปสู้กับเค้าเหรอ อ่ว แล้วถ้ามึงมีอาวุธไปสู้กับเค้า มึงไม่ผิดบาปเหรอ

ไม่เป็นอาบัติเหรอ มึงเห็นพระธรรมวินัยสำคัญน้อยกว่าชีวิตคนหรือไง
พระธรรมวินัยมันต้องสำคัญมากกว่าชีวิตครูบาอาจารย์ อย่ามามอง ถ้ากูอยู่แบบให้มึง

ป้องกันชีวิตกู อุ๊ย กูไม่อยู่หร๊อก ถือว่า อยู่แบบไม่ภาคภูมิ ถ้าอยู่แล้วพึ่งตัวเองไม่ได้ ต้อง

พึ่งอาศัยคนอื่น กูไปนานแล้ว ป่านนี้ กูเอาขี้เถ้ายัดจมูกตายแล้ว ไม่เอ๊า ไม่เอา ไม่ต้อง
หลวงปู่ด่า ไม่ยอม แล้วก็ไปประชุมชาวบ้านที่อยู่ทองผาภูมิ หาเหตุ หาเรื่องอีกตายหนึ่ง ก็

ไปเล่นงานอ้ายโรงงานปล่อยน้ำเสียลงแม่น้ำแควน้อย
ให้เวลาเค้าอาทิตย์หนึ่ง เดี๋ยวอาทิตย์หน้า จะไปรับลูกปืน เออ จะตามไปดูว่า มันจัดการแค่

ไหนกับอ้ายน้ำเสีย
ถึงวันนี้ ทั้งๆ ที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำเกรดเอ อ้ายกรมโรงงาน มันยังปล่อยให้ทำโรงงานได้

มันเลวชาติจริงๆ เห็นแก่มูลค่า เห็นแก่สตางค์ มันผิดกฏหมายชัดๆ อยู่แล้ว ก็ละเว้นการ

ปฏิบัติหน้าที่ มาตราเท่าไหร่วะ  เออ สงสัยกูต้องมาเรียนรู้กฏหมายใหม่อีกสักรอบหนึ่ง
งั้น ไม่กลัวหรอก หลวงปู่ทำ ทำ ไม่อยากให้ลูกหลานมาเดือดร้อนด้วย กูทำได้ สบายๆ กูบ้า

ได้ทุกเรื่องล่ะ กูเล่นได้หลายบท ไม่ต้องห่วง ลูก
ถ้าเมื่อไรที่มึงเห็นกูไปนอนอยู่ข้างถนน ก็แสดงว่า กูแบนแล้ว แบนแต๊ดแต๋ แต่ไม่ต้องห่วง

หรอก อยู่ได้ ไม่ได้กังวล ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว เค้าจะมาอ้างว่า บ้านเล็ก บ้านใหญ่ เจ้าพ่อนั่น

เจ้าพ่อนี่ ไม่สนใจหร๊อก ไม่ใช่พ่อกู เจ้าพ่อมึง แต่ไม่ใช่พ่อกู เราก็บอกไปอย่างนั้น
ถ้าถูกล่ะก็ คือ วันนั้น ไปออกรายการใครวะ อ้ายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เค้าบอกให้พาชาวบ้าน

ไปคุยกับเจ้าของ นึกในใจว่า ถ้ากูไปคุยนี่ แสดงว่า เรายอมรับอำนาจที่อยู่นอกกฏหมาย

อำนาจที่เป็นฝ่ายมืด งั้น เราก็ไม่ควรเป็นครูบาอาจารย์ใคร
งั้น ไม่เอา กูจะไม่ก้มหัวให้กับอำนาจมืด ไม่ว่า จะเป็นใคร ที่ไหน มาอย่างไร ไม่กลัว
กลัวอยู่ 2 อย่างเท่านั้น ชีวิตหลวงปู่ เออ ไร กับ ทุเรียน น่ากลั๊ว น่ากลัว อย่างอื่นไม่กลัว

ไม่หวั่นไหว ไม่สะดุ้ง ก็มี พอขึ้นรถปุ๊บ ก็ต้องบอก เฮ้ย อ้ายแสบ มึงระวังรถ 10 ล้อนะเว้ย

เพราะเดี๋ยวนี้ เค้าทำเนียนไง  ตายแบบอุบัติเหตุ แบบกำนันกล้วย
กำนันกล้วย มันเคยไปเตือนเค้า มันโดนตบด้วยปืน แล้ว 2  เดือนต่อมาก็ตายข้างถนน

โดนรถเหยียบตาย อ้ายโรงงานนี้
งั้น ไม่กลัว ไม่ได้สะดุ้ง ผวา หวาดกลัวอะไร แล้วใจก็อยากขายให้ได้ด้วยนะ มึงช่วยกู

ติดต่อทีเถอะ ถ้าวัดขายไม่ได้ ก็ขายโรงเจ, โรงเจขายไม่ได้ ก็ขายผ้าเหลืองวะ
ไม่งั้น มันก็ไม่มีใครขึ้นมาทำ ไม่มีใครขึ้นมาทำอะไรสักอย่างหนึ่งเพื่อรักษาความถูกต้อง

ชอบธรรมของแผ่นดิน ก็จะมีคนก้มหัวให้มันตลอด แล้วพวกนี้มันก็จะติดเหยื่อ เอาเหยื่อไป

ไล่แจก ถึงเวลา เหมือนกับอ้ายโรงงานนู้นน่ะ อ้ายโรงงานที่ทำถ่านไฟฉาย เค้าเรียก ทำอ้าย

ผงถ่านไฟฉาย แกนกลางถ่านไฟฉาย คือ มันเอายางมาต้ม เอายางมาเผา สกัดน้ำมัน แล้วก็

เอาฝุ่นมันมาทำผงคาร์บอน
แล้วอ้ายฝุ่นนั้นน่ะ มันตลบอบอวลไปทั่ว บ้านชาวบ้าน วัด โรงเรียน เต็มไปหมด เดือดร้อน

กันไปทุกหย่อมหญ้า 2 ปีที่ผ่านมา เค้าร้องเรียนไปทั่วทิศ ก็ไม่ได้รับการเหลียวแล ไม่ได้

เอาใจใส่
ก็ มันต้องมีใครสักคน ขึ้นมาสู้ แล้วอ้ายคนที่สู้นี่ มันก็ต้องมั่นใจว่า มีอยู่ 2 อย่าง คือ ตาย

กับ เกิด
ก็เลยต้องใช้ยุทธวิธี ยอมตาย เพื่อให้ได้เกิด ก็ไม่ต้องห่วง อยู่ได้
ดีสิ กูตาย จะได้ดัง
แล้วมีอยู่วันหนึ่ง มานั่งมอง นั่งมานึก เอ่อ อ้ายโรงไฟฟ้าบ่อนอก ก็ อ้ายเจริญ วัดอักษร ก็

ตายไปแล้วอ้าย สจ.อะไร ที่อยู่สงขลา ก็ตายไปแล้ว, พระอะไรที่อยู่เชียงราย ป้องกัน

ป่าสงวน ก็ตายไปแล้ว, วัดอ้อน้อย กันกลิ่น กูกำลังจะโดนขู่ ให้ตาย
เอ่อ กำลังนึกในใจ เออ หรือ กูจะเป็นรายต่อไปวะ เอ๊ย กูดูชะตากูแล้ว กูไม่ตายง่ายหร๊อก

(สาธุ) กระเสือกกระสนอยู่นาน ไม่ตายง่าย
ถ้าหลวงปู่ไม่ทำ แล้วใครจะทำ วันนั้นมันมา เด็กนักเรียนที่มางานวันเด็กน่ะ มันมาลงรถอยู่

หน้าโรงงาน เดินเข้ามา ทั้งพ่อ ทั้งแม่ ทั้งครู, เอ๊ย ทำไมมึงมาแต่เช้า งานเค้ามีตอน 4

โมงเย็น มันมาเอา 8 โมงเช้า, ก็ มาก่อน เด็กมันอยากมา, อ้าว แล้วมึงอยู่ไหน,

โรงเรียนรางอีเม้ย, รางอีเม้ย ก็เลยไปทางนี้ ประมาณสัก 2 กิโลกว่า, เอ้อ แล้วมึงได้

กลิ่นโรงงานไม๊, ได้กลิ่นค่ะ ได้กลิ่นครับ เรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง ปวดหัว แล้วสักพัก

โรงเรียนอ้อกระทิง มา ถามมัน, ได้กลิ่น
โอ อย่างนี้ กูอยู่ไม่ได้ละ ถ้าเด็กมันเรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง ทุรนทุราย แต่ถ้าเราจะสู้เพื่อตัว

เราเอง ก็คงจะน่ารังเกียจละ
เอาวะ ไหนๆ เหตุปัจจัยมาพร้อมมูลละ ต้องเดินกลยุทธซะหน่อย ขายวัด กูมีแผน กูมีวิธีการ
แต่ล่าสุดนี่ คิด ยุทธวิธีการกับมันไม่ออก เพราะลม มันดันมาพาเอาป้ายล้ม เลยเข้าล๊อคมัน

เลย แน่ รับเงินมา 10 ล้าน เลยถอดป้ายออก เอ่อ ก็ว่ากันไป คนมันจะหาเหตุใส่เรา
มันตั้งแต่เริ่มต้น เวลามีนักข่าวมา มันเรียกไป ข่าวท้องถิ่นนี่ ไม่มีใครกล้าออกข่าวนะ มีแต่

ออกข่าวว่า ชาวบ้านไม่เดือดร้อน วัดโวยวายไปเอง เออ นักข่าวท้องถิ่น มันโดนจ่ายตังค์ไง

มันเรียกเข้าไป มีแต่นักข่าว คม ชัด ลึก นักข่าวอะไร เค้าไม่เชื่อ
อ้ายนักข่าวท้องถิ่นของคม ชัด ลึก รายงานไป กองบก. เค้าไม่เชื่อ เค้าสั่งให้หน่วยอื่นมา

ฝังตัว นอน กิน อยู่ นี่ 3 วัน จึงรู้ว่า ความจริงเป็นยังไง เอาความจริงไปเปิดเผย แสดงว่า

คนดีก็ยังมีอยู่ในสังคมนักข่าว ไม่เห็นแก่อามิสสินจ้าง เค้าเลยเจาะข่าวจนได้รู้ความจริง สุด

ท้ายก็ อ้าว คนนู้นก็มา คนนี้ก็มา
ที่จริง อ้ายหมู่บ้านห้วยด้วน เค้าร้องมา 2 ปี เค้าออกโทรทัศน์มาก็หลายช่อง ไม่มีใครมาดู

เค้า
ไม่มีใครมาดู เค้าก็มาอาศัยบารมีหลวงปู่ ขายวัดได้ ผมขออนุญาต ขายหมู่บ้าน
รู้สึกติดป้ายได้ไม่ถึงครึ่งวัน, 2 ชั่วโมง นายอำเภอรีบมาบอกให้ปลดเลย อ้ายพวกนี้ล่ะ

มันแสบ ตัวแสบล่ะ พวกข้าราชการ
มันเห็นประโยชน์ของนายทุนมากกว่าประโยชน์ของสาธารณะ ได้ประโยชน์มาก ชอบ

พวกนี้ มันจะเป็น เค้าเรียกว่า อะไร พนักงานกิตติมศักดิ์ เอ่อ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อบต.

อบจ. นี่ มันจะมีเงินเดือนให้ บ้านเล็ก บ้านใหญ่ มีเงินเดือนให้ ว่ากันไป เดือนละเท่าไหร่

เดือดร้อนมาก เดือดร้อนน้อย ผลประกอบการได้เยอะ ให้มาก แบ่งสันปันส่วนกันเสร็จ

แล้วชาวบ้านก็ตาย ตาดำๆ ก็ทุกข์ทุรนทุรายไป
แล้วไปยอมก้มหัวให้กับมัน อย่างนั้น ก็ไม่ควรเรียกกูว่า ครูแล้วล่ะ ไม่ควรเรียกกูว่า พุทธะ

อิสระ ไม่ควรเรียกกูว่า เป็นพระโพธิสัตว์ละ
ไม่เอ๊า กูบอกมาหลายครั้งแล้วว่า กูจะไม่ยอมทนกับคนชั่ว เคยบอกไม๊ (เคย)
เออ ชั่วชีวิตหลวงปู่ ทนได้ทุกอย่าง แต่จะไม่ทนกับคนชั่ว, คนชั่ว กูไม่ค่อยทน กูจะสู้จน

กระทั่งหลังชนฝาละ แต่ไม่ต้องห่วง กูไม่เอาพวกมึงไปหร๊อก กูให้พวกมึงอยู่ข้างหน้า อาม่า

นำก่อนเลย เนี่ย เฒ่า แก่ๆ ไปก่อนเลย
ไม่ต้องห่วง อยู่ได้
อ้ายที่ออกไปจากวัด ไม่ใช่หนี แต่ออกไป เพราะนัดชาวบ้านเค้าไว้ ประชุมที่ทองผาภูมิ
ก็ไหนๆ เหล็กมันร้อนแล้ว ก็ต้องรีบทำให้หลายเรื่องมันจบภายในเร็ว ก็รีบ ทำห้วยด้วน ทำ

โรงงานขยะ ทำพร้อมๆ กัน ไม่งั้น เดี๋ยวพอกระแสมันเงียบ มันก็หายไป เลยถือโอกาสด่า

อ้ายทำมะเกาะ ธรรมกาย ทำมะแกะไปอีกรอบหนึ่ง เอ่อ ทำมาเกะกะ โรยดอกทองเต็มไป

หมด
วันนั้น ไปออกรายการ เอ เอส ทีวี กูก็ออกตอนบ่ายวันศุกร์  พอเช้าวันเสาร์ รถโดนยิง 4 รู
ก็เลยบอกกับเค้าว่า อ้ายวิธีคิดของพุทธเนี่ย มันมีวิธีคิดอยู่ 2 แบบ
พุทธมหายาน เค้าก็จะคิดว่า ทำตัวเป็นที่พึ่งของตัวเอง แล้วก็ให้คนอื่นพึ่งได้  นี่วิธีคิดของ

พุทธมหายาน
พุทธหินยาน ก็คือ ไม่เบียดเบียนตน และไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน
งั้น พุทธหินยาน ก็คือ พุทธไทยนี่แหละปัจจุบัน ไม่เบียดเบียนตน แล้วไม่ทำให้คนอื่นเดือด

ร้อน กูไปนั่งปวดเยี่ยวอยู่ 3 ชั่วโมงบนถนน ถามว่า มันติดอะไรนักหนาวะ อ้ายแสบ
ธรรมกาย หลวงปู่ ธรรมกาย
โอ้โห วันนั้นมาจากไหนไม่รู้ละ ราชบุรี ผ่านมาทางนั้น เค้าว่า ผู้หญิงท้องแก่ จะไปโรง

พยาบาล ไปไม่ได้ คลอดลูกกลางถนน ก็เพราะอ้ายทำมาเกาะแกะนี่แลหะ รถติดเป็นสิบๆ โล
โอ มันจะสร้างศรัทธากับพวกของมัน แล้วมันทำให้พวกอื่นเค้าลำบาก อย่างนี้ มันไม่ถูกต้อง
พวกอื่น ก็คือ พวกพุทธบริษัทเหมือนกัน แต่ไม่ใช่วัดเดียวกับมันเท่านั้นเอง มันใช้ได้ที่ไหน
เลยเล่นซะ ถือโอกาส เอ่อ สะเปะสะปะ กูขุดหลุม เที่ยวนี้ กูว่า กูจะขุดหลุมล่อเหยื่อลงให้เยอะ

แต่ แหม มันไม่ยอมมา กะว่า จะล่อเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะภาค ลงมาเล่น มันไม่ลง มัน

เงียบสนิทเลย เอ่อ กะว่า ขุดหลุมเที่ยวนี้ จะต้องเอาปลาตัวใหญ่ๆ หลายตัว แหม ลมมันน้อย

ไปหน่อย
เดี๋ยวเที่ยวหน้า อีก 12 ปีหน้า ขุดใหม่ เอ้า ครบ 12 ปีพอดีเลย รอบหนึ่งพอดี
12 ปีที่แล้ว กูสึกเช้า บวชเย็น ขึ้นหน้า 1 นี่ครบ 12 ปีพอดีนะจ๊ะ
 เอ่อ มันครบรอบพอดีไง เลยฉลองซะหน่อย
เที่ยวหน้า จะขายอะไรวะ
ประกาศ ขายโยม
กูว่า คนเค้าคงมาดู แล้วก็บอกว่า ให้ฟรี ยังคิดหนัก, อาม่า ให้ฟรี ยังถามว่า เอามาทำไม
เอ่อ มันต้องทำ ลูก, ไม่ทำ ไม่ได้, ก็ทำแบบบ้าๆ ทำแบบพระบ้าๆ พระแบบไม่มีต้นทุน

ถ้าคนมีต้นทุน เค้าจะไม่กล้าคิดแบบนี้หรอก ลูก เค้าจะไม่กล้าทำแบบนี้ เพราะว่า มันเสี่ยง
มันเสี่ยงแล้วมันก็เสีย 1. ก็คือ ก็ต้องมองว่า เป็นพระ ไม่มีความอดทน มันมีคนไป

โพสภาพด่า ไปออกรายการด่านะ วันนั้น กูเปิดโทรทัศน์ เจอรายการ อ้ายพวกเสื้อแดง มัน

ด่ากูเช็ดเลยล่ะ กูก็นั่งฟัง นอนฟังมัน เอ๊อ มึงก็ด่าไปได้นะ อ้ายห่านี่ มันไม่รู้อะไร มันก็ด่า,

เป็นพระ ไม่รู้จัดทนเลย, พระอะไร ไม่มีความอดทน, เอ่อ ขาดขันติธรรม, อย่างนี้

มาเป็นพระได้ไง เค้าเรียก สมี, อะไร มันก็ว่าไป  
เราก็ เออ นั่งฟัง เราก็นึกในใจ โคตรพ่อโคตรแม่มึง ลองมานอนอยู่ตรงนี้สัก 2 อาทิตย์ดูซิ

มึงจะทนได้อย่างกูไม๊ 2 ปีที่ผ่านมานี่ ชาวบ้านเค้า ก็ทนกันหนักละ
เออ พอดีอ้ายกรมมลพิษฯ มันมาตรวจ ผลมันออกมา ชัดเจน ถึงตั้ง 20 เท่า 10 เท่า

บางตัวเนี่ย มันเงียบเลยนะ อ้ายช่องนี้ มันไม่พูดอะไรเรื่องนี้เลย แต่มันด่ากูไปแล้วไง เออ

อ้ายเราก็ มันก็มีผลเสีย
เราต้องคิดว่า เราต้องยอมตาย ยอมตาย
นี่คือ ความยอมตาย เพราะมันมีผลเสีย
ให้ได้เกิดอะไร
มันต้องได้เกิดสิ่งดีๆ ขึ้นมาตามหลัง ก็คือ สังคมต้องมาตรวจสอบ ผู้คนต้องหันมาสนใจ
สังคมนี้ มันอยู่กันแบบนี้ล่ะ ลูก มันต้องตีฆ้องร้องป่าว ถ้าอยู่ด้วยสำนึก น่ะ ไม่มีหร๊อก
จะมาเรียกร้องหาสำนึกจากคนในสังคม มันไม่มี๊
เหมือนกับชาวบ้านแถวนี้ ก็เหมือนกัน แรกๆ หลวงปู่ทำ ขนาดอ้ายคนมาขายไส้กรอกปิ้ง

อยู่ตรงนี้ มันยังไปด่าเลย ทะลึ่ง เสือก โวยวายไปทำไม คือ มันจะขายไส้กรอกไม่ได้ไง เออ

มันจะไปขายไส้กรอก เราก็ฟังมันเฉยๆ ชั่งมัน แล้วบ้านมันก็อยู่ตรงนั้น ลูกมันก็ทำงานเป็น

คนทำความสะอาดอยู่ในโรงงานนั้น มันก็กลัวว่า ลูกหลานมันจะตกงาน
 เราก็ได้แต่ฟัง เออ มันก็มี คนได้ กับ คนเสีย แต่ส่วนใหญ่ ได้ หรือ เสีย ก็ต้องเลือกเอา  
เอาส่วนใหญ่เป็นประมาณ อ้ายส่วนใหญ่ที่เค้าไม่ได้กับมึง เค้าเสียตลอดเนี่ย 2 ปีที่ผ่านมา

เราก็ต้องเอาประโยชน์ส่วนใหญ่
ส่วนเราจะเสียน่ะ โอ๊ย หลวงปู่ไม่มีอะไรเสีย
ท่านไม่รู้สึกอะไรเหรอ นักข่าว มันมาสัมภาษณ์
ทำไมจะไม่รู้สึก ก็เพราะกูรู้สึกน่ะสิ กูถึงได้ทำ
ไม่ใช่ ไม่รู้สึกว่า จะเสียหายชื่อเสียง
เอ๊อ กูไม่มีชื่อ ไม่มีชื่อเสียง กูไม่มีต้นทุน ต้นทุนกูถูกมาก ไม่มีอะไร ยศฐาบรรดาศักดิ์ก็ไม่มี
กูไม่มีอะไร กูไม่ได้อะไร กูไม่เหลืออะไร แต่กูไม่ยอมตายแน่ๆ กูยังไม่ยอมตายแน่ๆ
กูทำเรื่องนี้ไม่เสร็จ กูยังไม่ยอมตาย
ก็ต้องพยายาม นี่ ก็ต้องรอมัน ลุ้นมัน วันนั้น เขียนป้ายไป ความสุข 2 ปีที่ได้จากลมหายใจ

ความทุกข์ที่ได้จากสุขภาพที่ย่ำแย่ ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ
เข้าล๊อกมันเลย มันก็เลยปล่อยข่าวออกมาว่า  เราไปเรียกร้องเงินมัน 10 ล้าน ไม่ให้ เออ

แล้วก็เมื่อวานซืน ลมดันพัด ป้ายล้มอีก อ้าว ได้ตังค์ไปแล้ว ว่าไปนั่น เอ๊อ ชั่งมัน มันก็พูดไป

เรื่อย
เค้าก็ต้องหาเหตุ ให้คนมองหลวงปู่ในทางที่เสียหาย เพื่อจะได้ลดเครดิตความน่าเชื่อถือ แต่

มันลดยังไง มันก็ลดไม่ได้แล้วล่ะ ด้วยเหตุว่า ผลในการพิสูจน์ แล้วเค้าพิสูจน์แค่กลิ่น ยังไม่

ได้เกี่ยวกับฝุ่น ไม่ได้เกี่ยวกับสารพิษ แล้วก็ไม่ได้เกี่ยวกับน้ำ
แต่ขนาดแค่กลิ่นนั้น มันก็เกินตั้งเยอะแยะมหาศาล มันก็เป็นเหตุให้ต้องปิดโรงงานได้แล้ว

ถ้าจะพิสูจน์ทั้งฝุ่น ทั้งสารพิษ แล้วก็น้ำ มันก็จะต้องใช้เครื่องไม้เครื่องมือเยอะ เนิ่นนานไป
ก็บอกเค้าว่า เอาแค่นี้ ก็น่าจะพอ แต่อยากจะชวนเค้าไป อ้ายโรงงานนู้น เพราะสงสารชาว

บ้าน เค้ามาหาหลวงปู่ แบบสายตาสิ้นหวัง เค้าไม่รู้จะพึ่งใครแล้ว ไปหาผู้ว่าฯ ผู้ว่าฯ มาเช้า

มันก็เปิดเย็น ผู้ว่าฯ ออกไป มันก็เปิด แล้วมันก็ส่งคนมาข่มขู่
กำนัน ผู้ใหญ่บ้านก็ยังมาเตือนชาวบ้าน ไปโวยวายทำไม เดี๋ยวถึงเดือน เค้าก็เอาของมาแจก

ถ้ามันอยู่ไม่ได้นอกบ้าน ก็เข้าบ้าน ปิดประตูหน้าต่าง
นี่ ดู สันดานเสีย อ้ายคนเลวๆ อย่างนี้ มันอยู่ในสังคมมาก เห็นแก่เหยื่อ เห็นกับของชอบ คือ

เห็นแก่ผลประโยชน์ ไม่คำนึงถึงคุณค่าของคน
แล้ววันแรกที่มีข่าว ผู้ว่าฯ ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ โรงงานสร้างโดยถูกกฏหมาย
กูก็เลยสวนกลับว่า ถ้าอย่างนั้น กูก็ต้องตายอย่างถูกกฏหมาย ป่วยอย่างถูกกฏหมาย เพราะว่า

โรงงานมึงทำถูกกฏหมาย กูก็ต้องซวยแบบถูกกฏหมายตามพวกมึงไปด้วย
อย่างนั้น ไม่ได้ ไปยอมก้มหัวให้มัน กูยังมีกลยุทธอีกเยอะ
เดี๋ยววันข้างหน้า อาจจะเจอกูเดินแก้ผ้า
พิธีกร     ประท้วง
หลวงปู่     หา
พิธีกร     ประท้วง เดินแก้ผ้า ใช่ไม๊ฮะ
หลวงปู่       เชิญๆ พิธีกร เอ่อ เชิญพิธีกร แล้วก็ จูงหมาไปตัวหนึ่ง
แต่ก็ต้องขอบใจ พวกสื่อมวลชน ที่เค้ามีใจศรัทธา เค้าเรียก ใจอะไร ใจเป็นธรรม มีหลาย

ฉบับที่เค้าให้ความร่วมมือ เค้ารู้ พยายามจะนำเสนอสิ่งที่มันเป็นความจริง แต่สื่อมวลชน

บางฉบับ มันก็แย่ อะไรอย่างนี้ แย่แล้วยังไม่วาย ยังกลายเป็นเครื่องมือของพวกเค้า ของ

นายทุนอีก หันปลายหอกมาทิ่มแทงเราหาว่า เราเป็นคนหาเรื่องหาราวใส่โรงงาน
ก็อย่างชาวบ้านคนหนึ่ง เมื่อเช้ามีใครมาพูด เราก็ไม่รู้จักมันโดยส่วนตัว มาจากไหน ยังไง

ไม่รู้ แค่เค้ามาโวยวาย มันก็เป็นเรื่องที่ ก็บอกอยู่เสมอๆ ว่า การปฏิบัติธรรม มันต้องมี 3

อ.
1. อาการ ก็คือ มีศรัทธามาแล้วด้วยความสงบระงับ ด้วยจิตบริสุทธิ์ ตั้งมั่น ก็เป็นอาการ

ที่ดี
2. ก็ อากาศ อากาศมันทำให้เกิดอารมณ์ ถ้าอากาศไม่ดี มันก็อารมณ์ไม่ดี อากาศดีๆ

อารมณ์มันก็ดีมา แล้วเรา ผลกระทบโดยตรง ก็แสดงว่า มันเจตนาจะขับไล่เรา ไม่ให้เราอยู่

ให้เราอยู่ไม่ได้ ให้สังคมรอบข้างอยู่ไม่ได้ แล้วมันอยู่ได้คนเดียว
ก็คนมา เจออากาศไม่ดี คนเค้าก็ไม่อยากจะมา เมื่อคนไม่อยากมา แล้วเราจะอยู่ได้ยังไง

เราจะไปสอนใคร หมู หมา กา ไก่ มันก็เรียนรู้ไม่ได้ แล้วมันเป็นผลกระทบในวงกว้าง
3 วัด ก็เดือดร้อน แต่ไม่มีใครกล้า วัดเจ้าคณะตำบล ก็มาบ่น เราก็เลยบอก ท่านเป็นตำบล

ทำไมไม่โวยวาย อุ๊ย ใครจะไปกล้า ขนาดกำนันยังโดนตบด้วยปืน
อ้าว ถ้างั้น กูทำเอง
เดี๋ยวก็ คอยฟังข่าวแล้วกัน ลูก ว่า เมื่อไหร่ที่กูไปนอนแถกเหงือกอยู่ข้างถนน หรืออะไร
อ้ายพวกนี้ ขี้ขึ้นสมองกันหมดเลย ไม่กล้าออกไปข้างนอก พวกอยู่ในวัด ไม่รู้มันกลัวอะไร

กันนักหนา มันกลัวอะไร
เอ้า จบ พอแล้ว (สาธุ)
3    ก พ 2556   15.15 น. ระหว่างปฏิบัติธรรม โดย องค์หลวงปู่

พุทธะอิสระ (ฝึกสติ เดินในขั้นที่ 1 ภาคที่ 1,2,3 ขั้นที่ 2, ขั้นที่ 3, ฝึกความ

ว่าง นั่ง,ยืน ,นอน, เดิน)
.......ในความว่าง ไม่มีความสับสน เรามาแสวงหาความว่าง เพื่อปลดเปลื้อง

บรรเทา ความทุรนทุราย ทุกข์ทรมานจากวัฏฏะ จากชาติภพ จากตัณหา และจากอุปาทาน
แน่นอนล่ะ เราทุกคนยังมีอวิชชา แต่ทำยังไงจะให้มันมีอำนาจน้อยลง เรามีอำนาจครอบงำ

มัน มีพลังเหนือมัน อย่าให้มันครอบงำเรา
เตรียมเดินในจังหวะที่ 1 ขั้นที่ 1
ใครไม่เคย ยกมือขึ้น รุ่นพี่เข้าไปแนะนำ
............
อย่าเดินอย่างเลื่อนลอย หูฟังเสียง ใจรับรู้ เท้าก้าวเดิน
ให้จิตอยู่กับงานที่กำลังทำ จึงเรียกว่า กรรมฐาน
กรรมฐาน คือ งานของจิต มีกายเป็นเครื่องสื่อ
สิ่งที่ฝึก ไม่ใช่สมาธิ ไม่ใช่ความสงบ แต่สิ่งที่ฝึก ตัวสติ ตัวรู้
เมื่อมีตัวรู้ จะได้ไม่ผิดพลาด เวลา ทำ พูด คิด
...............
ขั้นที่ 1 ภาคที่ 2
ใครไม่เคย ยกมือขึ้น รุ่นพี่แนะนำ
.................
ทุกครั้งที่เราก้าว จะรู้สึกเนื้อรู้สึกตัว นั่นคือ ตัวสติ ล่ะ เป็นการสร้างสติ
นั่นคือ ตัวสติที่ตั้งมั่น ที่เกิดขึ้น
แต่ครั้งใดที่เราก้าวอย่างเลื่อนลอย นั่นคือ ขาดสติ นั่นคือ เสียสติ
เราจะไม่มีสิทธิ์ถึงคำว่า ว่าง ไม่มีสิทธิ์ถึงคำว่า วาง
หรือ วางไม่เป็นเลย ถ้าไม่มี สติ
สติ จึงเป็นหัวใจสำคัญ ของการวางแล้วว่าง
...............
ขั้นที่ 1 ภาคที่ 3
ใครไม่เคย ยกมือขึ้น รุ่นพี่ช่วยแนะนำ
................
ขยับขึ้นขั้นที่2
รุ่นพี่ช่วยแนะนำหน่อย ใครไม่เคย ยกมือขึ้น
..................
ขยับขึ้นขั้นที่ 3
ใครไม่เคย ยกมือขึ้น รุ่นพี่แนะนำ
................
หยุดอยู่กับที่
ทำตัวให้ผ่อนคลาย ส่งจิตไปอยู่ที่ฝ่าเท้า 2 ข้าง
รับน้ำหนักเสมอกันไม๊ ขวากับซ้าย
............
ตัวตั้งตรงไม๊ ไม่เอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง
ไหล่ 2 ข้าง ขนานกับพื้น คอเป็นฉากกับไหล่
หน้าเงย ไม่ก้ม ตามองลงต่ำ
แขน ขา ไม่เกร็ง มือไม่ต้องกำ
ทุกอย่างผ่อนคลาย
หายใจเข้า กว้าง ลึก เต็ม
.........
แล้วผ่อนลมหายใจออก เบาๆ ยาวๆ หมดจดและผ่อนคลาย
...........
อีกทีหนึ่ง
หายใจเข้า หลับตา ตามดูลมว่า มันไปสุดแค่ไหน
.................
แล้วหายใจออก เบา ยาว ผ่อนคลาย ตามดูลม ว่า ลมหมดแค่ไหน
................
ทีนี้ ทิ้งลมหายใจ ลืมตา
................
ทำความว่างให้เกิดขึ้นในกาย ในใจ
สมองว่าง, กายว่าง, 2 มือว่าง, 1 ตัวตั้งอยู่ว่าง, จิตว่าง, อารมณ์ว่าง,

สภาวะธรรมว่าง
...................
ว่าง จนกระทั่งเบา ที่เรียกว่า ลหุตา ความเบากายและเบาใจ
อย่าหลับตา
................
ว่าง ไม่ใช่ไม่มีลมหายใจ
แม้มีลมหายใจ ก็อย่าใส่ใจ
.................
สรุปแล้ว ไม่ต้องกลั้นลมหายใจ
ปล่อยให้ลมหายใจเป็นธรรมชาติ
แต่ก็ไม่ต้องสนใจมัน
................
หันตัวไปในทิศทั้ง 4 ดูซิว่า แต่ละทิศ ยังว่างอยู่ไม๊
................
ทิศไหนไม่ว่าง หยุดอยู่กับทิศนั้น แล้วทำให้ว่าง
..................
ทิศไหนที่ไม่ว่าง ถือว่า ทิศนั้นเป็นอัปมงคล
ต้องทำให้เกิดมงคลให้ได้
...............
ต้องให้ว่างทั้ง 4 ทิศ เรียกว่า เป็นมงคลทั้ง 4 ทิศ
...............
อย่าลวกๆ ต้องว่างอย่างชัดเจน ไม่ใช่ว่างลวกๆ
หมุนไปทั่ว โดยไม่รู้ว่าง หรือ ไม่ว่าง
ต้องสัมผัสความว่างให้ได้ทุกทิศ
...............
ว่างครบทั้ง 4 ทิศแล้ว พาความว่างลงนั่ง อย่างผ่อนคลายด้วยความว่าง
ใครไม่ว่าง ยังนั่งไม่ได้
...............
นั่งอยู่บนความว่าง
ในความว่าง ไม่มีอารมณ์
ไม่ใช่ไม่มีความรับรู้ แต่ไม่มีอารมณ์
รู้ แต่ไม่เกิดอารมณ์
รู้เฉยๆ โดยไม่ปรุงแต่ง
...............
สมองว่าง กายว่าง ใจว่าง จิตว่าง ทุกอย่างว่างหมด
ไม่หลับตา
ลืมตา
...................
ไม่มีความนึกคิดใดๆ ไม่มีอารมณ์อาลัย ปรากฏ
เรียกว่า ไม่ทำอารมณ์ให้เป็นอาลัย และไม่มีอะไรๆ ในอารมณ์
.................
มีแต่ความว่างเฉยๆ
บอกแล้วว่า ในความว่าง ไม่มีทุกข์
ในความว่าง ไม่มีความทุรนทุราย
ในความว่าง ไม่มีความร้อนรุ่ม กลัดกลุ้ม
ในความว่าง ไม่มีความสับสนวุ่นวาย
ในความว่าง ไม่มีพันธนาการ
มีแต่เสรีภาพและอิสระ
ที่จริง เสรีภาพ และอิสระ ก็คือ เมื่อปลดพันธนาการทุกอย่างแล้ว มันก็คือ เสรีภาพและอิสระ
..............
เสรีภาพและอิสระ มันอยู่ตรงกันข้ามกับความไม่ว่าง หรือ พันธนาการ
ตกเป็นทาส ตกอยู่ในอำนาจ
ความว่าง ไม่มีทาส
ความว่าง ไม่มีการตกอยู่ในอำนาจ
.................
กายเบา ใจเบา สมองโปร่ง อารมณ์ผ่อนคลาย
..................
เรียกว่า ยาเย็น
วันหนึ่งๆ ได้ดื่มกิน ซึมซับ ลิ้มรส อมฤต ยาสุข หรือ ยาเย็นที่เป็นสุข
อย่างนี้ ทุกวันๆ จนชินเป็นนิสัย
แม้จิตสุดท้าย เมื่อใกล้วันตาย ก็ได้ดื่มกิน นั่นแหละ คือ นิพพาน ละ
..............
เลวที่สุด ก็เป็นพรหม หรือ อรูปพรหม
ก็ไม่ต้องตกนรกหมกไหม้ ไม่ต้องรับทุกขเวทนาใดๆ
..............
งั้น ต้องดื่ม ลิ้ม ชิมรส ความว่าง จนเป็นสันดาน เป็นนิสัย ให้ทุกขณะจิต ทุกโอกาส
...................
พาความว่าง นอนลง
นอนด้วยความว่าง
..................
คนที่ทุรนทุราย สับสน ว้าวุ่น ร้อนรุ่ม มีความขมึงทึง ตึงเครียด เมื่อถึงคราวปรับว่า ว่าง
มันจะรู้สึกเหมือนมีไอร้อน พวยพุ่งออกมาจากกาย ทั้งภายใน แล้วก็กายนอก
อย่าสนใจมัน ไม่งั้น มันจะไม่ว่าง
เราจะรู้สึกได้ว่า เหมือนกับสมองมันค่อยๆ ผ่อนคลาย
ไม่ใช่หดตัว แต่ผ่อนคลาย
กล้ามเนื้อสมองไม่บีบคั้น ความดันในสมองลดลง
เราจะรู้สึกได้อย่างนั้นจริงๆ จากสภาวะที่เราเข้าถึงคำว่า สุญตสมาธิ หรือ ความว่างเป็น

อารมณ์
...............
งั้น บุคคลใด ที่เข้าถึงสุญตสมาธิ หรือ ความว่าง
บุคคลผู้นั้นได้ชื่อว่า ผู้ได้รับการรักษา
เรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า ผู้ไม่ทำร้ายตนเอง เรียกว่า ผู้ไม่เบียดเบียนตนเอง
ไม่ทำร้ายตนเอง ไม่เบียดเบียนตนเอง ผู้ได้รับการรักษา
นั่นคือ อานิสงส์ของสุญตสมาธิ หรือ ความว่าง
.............
เราไม่ต้องให้คนอื่นเค้ามารักษาตัวเรา เราสามารถรักษาตัวเราได้
เราอย่าไปกลัวคนอื่นเค้าเบียดเบียนเรา
เพราะตัวเราเองเบียดเบียนตัวเราตลอด 24 ชั่วโมง ลูก
เราไม่ต้องกลัวคนอื่นเค้าทำร้ายตัวเรา
เพราะเราเองนี่แหละ คือ ศัตรูตัวร้ายที่ทำร้ายทำลายตัวเราตลอดเวลา
โดยที่เราไม่รู้สึกตัว
มารู้อีกที ก็เมื่ออาการเจ็บปวดและเจ็บป่วยมันเกิดขึ้น จากการทำร้ายทำลายตัวเอง
เพราะเรามีภาระมาก มีการงานมาก มีพันธนาการมาก
ตกเป็นทาสมากๆ อยู่ในอำนาจมากๆ หลงใหลไปกับสิ่งที่ชอบมากๆ
เหล่านี้ คือ การทำร้าย เบียดเบียน ตัวเอง
...............
งั้น วันนี้ เรามากินยาเย็น
ยาเย็น คือ ยาที่หยุดการทำร้ายตัวเอง
และ เยียวยาสิ่งที่บกพร่องเสียหายไปแล้ว
ให้กลับฟื้นคืนขึ้นมาอย่างมีประสิทธิภาพ
.................
ค่อยๆ พยุงตัวขึ้นมาด้วยความว่าง
..................
ขึ้นมานั่ง แล้วยังว่างอยู่ไม๊
.................
ลุกขึ้นยืน ด้วยความว่าง
ไม่ได้สอนให้พิการ
...............
ยืนแล้ว ยังว่างอยู่ไม๊ สำรวจทุกขณะ
................
ทรงอารมณ์ว่าง รักษาความว่าง
จิตว่าง อารมณ์ว่าง สมองว่าง ใจว่าง
.................
ลองหันดูไปในทิศทั้ง 4 ยังว่างครบอยู่ไม๊ ทั้ง 4 ทิศ ยังว่างอยู่หรือเปล่า
.................
ฝึกแสวงหา ความเป็นมงคลในทิศทั้ง 4
ด้วยการที่ทำให้ทิศทั้ง 4 เป็นความว่างของเรา
..................
ความว่าง เป็นมนต์วิเศษ ดุจดั่งพญานกคุ้ม
ที่คุ้มครองป้องกันจิตวิญญาณของเรา
ต้องว่างให้ได้ในทิศทั้ง 4
ถ้าทิศไหนไม่ว่าง แสดงว่า ทิศนั้นขาดผู้คุ้มกัน ขาดเกราะป้องกันภัย
จิตวิญญาณของเรา จะเพลี้ยงพล้ำ พ่ายแพ้ สุดท้าย ก็กลายเป็นโรค
...............
เราจะทำร้ายตัวเองในทิศนั้นๆ
ถือว่า ชื่อว่า ทิศนั้น ไม่ได้รับการรักษา
................
พา ความว่าง ออกเดิน
.................
ไม่ว่าฟ้าถล่ม แผ่นดินจะทลาย น้ำจะท่วม ไฟจะไหม้ เกิดปัญหาใดๆ
ต้องอยู่กับความว่างเนืองนิจ
แล้วจิตวิญญาณเราจะสะอาด ผ่องแผ้วอยู่เสมอ
เราพร้อมที่จะเผชิญต่อทุกปัญหา ไม่ว่าจะหนักหน่วง
เบาบางดั่งปุยเมฆ หรือ ยิ่งใหญ่ดั่งภูเขาและหินผา
เราจะองอาจ ภาคภูมิอยู่เนืองนิจ
ความครั่นคร้าม ประหวั่น พรั่นพรึง สะดุ้ง ผวา หวาดกลัว
จะไม่เกิดขึ้นกับผู้ที่มีสุญตาสมาธิ
.................
เหมือนดั่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงสอนพระโมฆราช
ว่า โมฆราชะ เมื่อใดที่เธอเห็นความว่าง เมื่อนั้น มัจจุราชจะไม่เห็นเธอ
เธอจะพ้นแล้ว ซึ่งความทุกข์ทรมานทั้งปวง
ความหวาดผวา สะดุ้งกลัวทั้งหลาย จะไม่เกิดขึ้นกับเธอ
..............
หยุดอยู่กับที่
ยังว่างอยู่ไม๊ สำรวจดู
.................
เพ่งความว่าง ไม่ใช่เพ่งลมหายใจ
อย่าปล่อยให้มารมันมาหลอกล่อ จนเราหลงใหล
แม้ลมหายใจเวลานี้ ก็เป็นมาร เพราะไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ
.................
บอกแล้วว่า ลูกรัก เมื่อใดที่เจ้าต้องการสมาธิ เห็นพระพุทธเจ้า ต้องฆ่าทิ้ง, เห็นพระธรรม

ต้องเผา เจอพระสงฆ์ ต้องหนีให้ไกล
เพราะนั่นคือ ตัวทำร้ายสมาธิ
ในที่นี้ เราต้องการความว่าง
เราไปเห็นลมหายใจ รู้ลมหายใจ ก็แสดงว่า เราไม่ว่าง
................
มัน คือ มาร
...............
เหลียวไปในทิศทั้ง 4 ยังว่างครบไม๊
มีทิศไหน ที่เป็นอัปมงคลสำหรับเราบ้าง
................
ครบทั้ง 4 ทิศ เป็นมงคลทั้งหมด
ก็ให้ความเป็นมงคล กับสรรพสัตว์
กลับมาอยู่กับลมหายใจ
เข้า ภาวนาว่า สัตว์ทั้งปวง จงเป็นสุข
..................
ออก ภาวนาว่า สัตว์ทั้งปวง จงพ้นทุกข์
หลับตา
..................
สูดลมหายใจเข้า กว้าง ลึก เต็ม
................
หายใจออก ผ่อนคลาย ยกมือไหว้พระกรรมฐาน
ลืมตา แล้วเข้าที่ ลูก
...................
(กราบ)
ก็ไม่ต้องตกนรกหมกไหม้รูปพรหม
3    ก พ 2556   16.30 น. หลังปฏิบัติธรรม โดย องค์หลวงปู่

พุทธะอิสระ
สัปดาห์หนึ่ง ก็มากินยาเย็นสักครั้งหนึ่ง ซึ่งมันก็จะช้าไปนัก ต้องกินยาเย็นแบบนี้ให้ได้ทุกวัน

ทุกชั่วโมง แม้ที่สุด ทุกลมหายใจ ทำให้คุ้นเคย จนกลายเป็นนิสัย เป็นสันดาน
เมื่อถึงคราว มัจจุราชถามหา เราก็จะได้ไม่ครั่นคร้าม ไม่หวั่นหวาด ไม่สะดุ้งผวา เรียกว่า

ไม่มีความเกรงกลัว
มีเรื่องประชาสัมพันธ์ หลวงปู่ทำร้านกาแฟ กับทำร้านขายอาหาร อยู่ตรงมุมนู้นน่ะ ใครว่างๆ

ไม่มีอาชีพ กูให้เช่าเว้ย ไป กูจะไปขายเอง ก็เกรงใจ แค่นี้ ก็จะไม่มีเวลาจะหายใจอยู่แล้ว

ไปดูซิ ร้านค้าริมถนนน่ะ ติดป้าย มีแอร์พร้อมเสร็จเลย โต๊ะพร้อม โต๊ะก็สแตนเลสอย่างดี

ไปหาเครื่องไม้เครื่องมือมาลง ขายอาหาร เอาชนิดที่ พอแด๊กได้นะ เอ่อ ไม่ใช่แด๊กไม่ลง

อย่างนั้นไม่เอานะ ทำให้มีฝีมือ อับอายขายขี้หน้าเค้า ใครสนใจจะมาทำ ให้เช่า
ป้าโสภา       หลวงปู่ให้เช่าเท่าไหร่คะ
หา
ป้าโสภา     ให้เช่าเท่าไหร่คะ
ขึ้นอยู่กับใครเช่า ถ้ามึงเช่า เอาเดือนละ 50,000
.............
กาแฟอะไร กาแฟอ้ายถุง นมยานๆ เดี๋ยวนี้เค้าไม่กินกันแล้ว กาแฟแบบนั้น เค้ากินอ้าย

กาแฟปั่นอะไรนั่นน่ะ
อ้อ อีกเรื่องหนึ่ง ฝากประชาสัมพันธ์ ใครรู้จักช่างปฏิมากรรม ช่างปั้นลายนูนสูงนูนต่ำ

สนใจจะทำงาน กูให้เงินเดือน สตาร์ดครั้งแรก เดือนละ 20,000 ขึ้น เอาซัก 10 คน

จะเร่งปั้นพญานาค
หลวงปู่คุมเอง
แล้วก็ พระหลวงพ่อผาสุขเสร็จเรียบร้อยแล้ว ใครจะไปไหว้ปิดทอง ก็อยู่ในหอพระโพธิสัตว์

เออ อย่างหล่อเลยละ อย่างงาม เรียบร้อยแล้ว เค้ายกขึ้นตั้งหน้าพระโพธิสัตว์
มีอะไรอีกล่ะ วันที่ 16 เค้าประชาสัมพันธ์ไปหรือยัง ก็บอกข่าวกันต่อๆ ไปด้วยแล้วกัน

จะยกเศียรพระมหาพุทธพิมพ์นาคปรกตอน  5 โมงเย็น เค้าบวงสรวง แล้วก็มีการหล่อ

กระถางธูปเรือมังกร เสร็จแล้วก็จึงจะยกเศียรพระ แล้วก็เจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพร

แล้วก็รับแจก อั่งเปา แจกพระ แจกส้ม อะไรก็ว่าไป ก็บอกต่อๆ แล้วกัน เค้ามีอาหารเลี้ยง

ตลอด มีทั้งอาหารเจ อาหารคาว
เอ้า ถวายทาน ว่า นะโม 3 จบ
.................
ตั้งใจรับพร ลูก
.................
จำเริญ ลูก ธรรมะรักษา ให้รุ่งเรือง ร่ำรวย อายุยืน สุขภาพแข็งแรง เดินทางโดยสวัสดิภาพ

ทุกคน ลูก (สาธุ)
กราบลาพระ อะระหัง สัมมา
................
(กราบ)
อืม ไปดูว่า ใครมีฝีมือ อยากหาอาชีพเสริม มีที่ขายของให้ ขายให้ทันตรุษจีนนี้นะ เอ่อ กูจะ

กินตรุษจีนนี้นะ ให้อ้ายบริษัทบุญกุศลฯ บอกมันจะ 2 เดือนอยู่แล้ว ยังไม่หือไม่อือเลย

อ้ายเขม เค้ารับปาก เค้าจะมาทำ ชงกาแฟ เห็นเงียบ เมื่อวานมันมา บอก เคียดๆ ห่าอะไร

ของมันไม่รู้ บอก มึงเคียด แล้วกูจะอยู่ได้ยังไง
ป้าโสภา     .....
มึงจะขายอะไร กาแฟ
ป้าโสภา     ต้องไปบอกหลวงปู่ก่อน..............
กูถามว่า มึงจะขายอะไร
..............
มึงไม่คุยเลยนะเนี่ย คุยโคตรๆ เลย เอาล่ะ  
...................
เออ กูเข้าใจๆ
(กราบ)