15 กย 56 แถลงการณ์ ณ. ศาลาวัดอ้อน้อย 22.32 นาที


สืบเนื่องเรื่องจากการโฆษณาชวนเชื่อว่า คือ มันมี

ข่าวออกมาทางไอที อินตอร์เนทว่า หลวงปู่พุทธะอิสระ

หลวงพี่น้ำฝน เข้าไปอวยพรวันเกิด ฯพณฯท่านไชยา

สะสมทรัพย์  
ต้องเล่าความเป็นจริงให้ฟังว่า ที่มาที่ไป มันคืออะไร
คือ วันนั้น เค้าแจ้งให้ทราบ แก้วเค้ามาแจ้งว่า หลวงปู่

วันนี้ บ้านใหญ่เค้าวันเกิด  
เราก็เลยบอกว่า เออ เดี๋ยวกูจะไปด้วย เค้าก็คิดว่า

หลวงปู่พูดเล่น  
เสร็จเรียบร้อยแล้วกลับมา ย่าใส่บาตรแล้ว ก็สั่งให้เค้า

เตรียมกระเช้า แล้วพอฉันเช้าเสร็จ ก็เข้าไปโกนคิ้ว

คนอื่นเค้าตัดไม้ข่มนาม กูตัดคิ้วข่มนาม
ก็ถ้าพูด มีวิธีพูดได้ 2 กรณี วิธีแรก ก็คือ จะพูดตาม

วิถีโลก ก็บอกว่า ถ้าไม่เข้าถ้ำเสือ ก็จะไม่ได้ลูกเสือ ก็

สั่งอ้ายแก้วให้เตรียมตัว 8โมงครึ่งจะออกเดินทาง ถือ

ฤกษ์ราชสีห์ข่มทัพ ไป เอาใครไปบ้าง  
บอก ไม่ต้อง มีมึงกับกู 2 คน แล้วก็เอาอ้ายพงษ์ขับรถ

เพราะมันรู้ทางหนีทีไล่ มันรู้ทาง คือ ขับได้เข้าออก

ทางไหน คณะติดตามถ้าจะไป ก็ไปห่างๆ ไม่ต้องแสดง

ตน แต่ไม่ต้องเข้าไปในบ้าน
ถึงหน้าบ้าน พอลงจากรถ ทุกคนก็โดนสะกด อ้ายที่กิน

ก๋วยเตี๋ยวอยู่ก็อ้าปากหันมามอง อ้ายที่ดูดโอเลี้ยง ดูด

น้ำหวานอยู่ ก็ตาเหลือก ปากดูดหลอด มีทั้งนายตำรวจ

ข้าราชการ พ่อค้า นักการเมือง มือปืน เจ้าพ่อ ส.จ.

ส.ส. ส.ว. แล้วก็ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายกอบต.

อบจ. ไปพร้อมหมดล่ะ ปืนก็ตุงๆ เต็มไปหมด

ประมาณ 300 กว่าชีวิต 300 กว่าร่วม 400
เข้าไป อ้ายแก้วก็เดินหิ้วกระเช้า หลวงปู่ก็เดินนำ อ้าย

บางคนมันรู้จักก็ อ้าว หลวงปู่มาด้วย สวัสดีครับ เอ๊อ

แล้วก็เดินไปเรื่อย คนก็กระทุ้งสีข้าง สะกิดกันบ้าง

เฮ้ยๆ ๆ
อันนี้ คือ บรรยากาศ เล่าให้ฟัง จากที่ไปสังเกตุ แล้วก็

ได้ไปเห็นไอ้มือปืนที่มันมาที่วัด 2 คน มันยืนอยู่ตรง

ซุ้มประตูทางเข้า ก็เหลือบชำเลืองเห็น ก็เข้าไปก็เก็บ

ภาพไว้หมด เก็บภาพใส่สมอง มองไปทั่ว ก็เดินตรง

เข้าไป เจ้าของบ้านเค้าก็นั่งอยู่กับกลุ่มญาติ กลุ่มผู้มี

เกียรติชั้นผู้ใหญ่ เค้านั่งอยู่ รอบๆ ก็มีเด็กๆวัยรุ่น

องครักษ์พิทักษ์นายรายล้อม
พอเห็นหลวงปู่ เค้าก็หันมาชำเลืองมอง อ้ายแก้วเค้าก็

เลยแนะนำว่า หลวงปู่วัดอ้อน้อยมา เอากระเช้ามาให้

วันเกิด
เราก็บอกว่า ให้ สุขสรรค์วันเกิด สุขภาพแข็งแรง อายุ

ยืน มีเวลาว่างมั้ย ขอคุยกันเป็นส่วนตัวหน่อย
เค้าก็มองหน้า หลวงปู่ก็มองตา เค้าก็อึกอักๆ อยู่สักพัก
ขอเวลาสักนิด
เค้าก็ลุกขึ้น งั้น เดี๋ยวไปคุยกันในห้อง
พวกมือปืนทั้งหลาย เค้าก็จะตามไป  
หลวงปู่ก็เลย อ้าว ไหนว่า คุยกันส่วนตัว ไม่ใช่เหรอ  
เค้าก็เลยหันมาบอกกับลูกน้องว่า เฮ้ย ไม่ต้อง
อ้ายแก้วจะตามหลวงปู่ไป ก็เลยบอก กูจะคุยส่วนตัว

ไม่ต้องมา
ก็เข้าไป ปิดห้องคุยกัน
ทั้งหมดนี่มันเป็นวิถีแห่งชาวโลก คุยกันแบบชาวโลกๆ

คุยกันแบบนักเลงยุคเก่าๆ เรียกว่า ไม่เข้าถ้ำเสือ ก็ไม่

ได้ลูกสือ
พอเข้าไปคุย เริ่มต้นก็รายงาน  
รายงานตัวว่า หลวงปู่ลูกหลานใคร โคตรพ่อโคตรแม่

อยู่ที่ไหน ย่าอยู่หลังวัดเทียนดัด ปู่อยู่หลังวัดพระงาม

พ่อทำโรงอิฐ อยู่อำเภอกำแพงแสนเป็นเจ้าแรก เป็น

ดองกับเจ้าพ่อโยมวังตะกู เราก็ว่าร่ายไป เค้ารู้จัก  
แล้วก็เลยถามว่า แล้วไอ้น้ำฝนมันเป็นใคร มันเป็น

ลูกบ้านไหน มันเป็นคนมาจากแหล่งหนตำบลใด เด็ก

ขายน้ำอยู่สนามมวยลุมพินี ทำไมถึงมาปล่อยให้มัน

มาทำความเสียหายให้แก่พระศาสนาในจังหวัด

นครปฐม ในฐานะที่คุณเป็นผู้ใหญ่ในจังหวัด ยังจะ

มาปกป้องมันได้อยู่ยังไง
กูก็ใส่เป็นชุดละ
เค้าก็ เปิดลิ้นชัก ทำหาบุหรี่ แต่หยิบปืนขึ้นมาโชว์
กูก็เฉยๆ แล้วก็เลยบอกว่า คุณจะปล่อยให้คนนอก

มาทำให้ศาสนาในท้องถิ่นโดยเฉพาะศาสนาพุทธเสีย

หาย ไม่อายเค้าเหรอ ชั้นมีหลักฐานที่จะเอาผิดมันได้

ทุกเวลา ถ้าผิดแล้ว คุณมาปกป้อง ถึงวันนี้แล้วยังปก

ป้องมันอยู่เนี่ย คนที่เสียน่ะก็คือ ตัวคุณเองกับพวกพ้อง
เค้าก็บอก อุ๊ย ผมอยู่ที่นี่ เป็นนักการเมืองมา  30

กว่าปี คนทั้งจังหวัดรักผมทั้งนั้น เราก็ฟังเฉยๆ
เราก็เลยบอกว่า ชั้นน่ะ รักพระศาสนา แล้วก็รักชีวิต

แต่ถ้าจะถามว่า ชั้นรักอะไรมากกว่า ชั้นรักศาสนา

มากกว่าชีวิต เพราะฉะนั้น ชั้นจะไม่ยอมให้ใครมาทำ

ให้ศาสนาเสียหาย แล้วชั้นก็หวังไม่ได้กับตุลาการทาง

ฝ่ายสงฆ์  
ก็เล่าให้เค้าฟังว่า สมัยเป็นเจ้าคณะตำบล เคยไปสอบ

อธิกรณ์เจ้าคณะตำบลวัดไผ่หูช้าง อำเภอบางเลน ข้อ

หาเสพเมถุนกับผู้หญิงหลายคน สอบจนกระทั่งมัน

จำนนต่อหลักฐาน สุดท้าย สิ่งที่สอบก็เป็นโมฆะ

เพราะตุลาการฝ่ายสงฆ์มันช่วยกัน แล้วยังมีอีกหลายวัด
เพราะอย่างนี้แหละ ชั้นถึงลาออกจากเจ้าคณะปกครอง

และสมภาร แต่ชั้นก็จะไม่ยอมให้ใครมาทำลายศาสนา

และได้ยินว่า คุณส่งมือปืนไปยิงชั้นเหรอ
อุ๊ย สมัยนี้ไม่มีแล้ว มือปืน
ก็ไม่รู้ล่ะ ชั้นน่ะไม่ได้กลัวหรอก แต่อยากจะมาบอกว่า

คุณจะไม่มีส่วนได้เลย มีแต่ส่วนเสีย ชั้นเป็นคนไม่มี

ต้นทุน ชีวิตก็ราคาถูกมาก เพราะฉะนั้น อยากให้คุณ

ตรองดูว่า คุณจะเข้าข้างคนผิด หรือว่า จะอยู่ฝ่ายพวกถูก

เอากันชัดๆ
ที่จริง ชั้นก็ไม่อยากจะพูดให้คุณฟัง แต่ไหนๆ พูดแล้ว

ก็พูดเสียเลยว่า ที่วัดเนี่ยได้รับไม้พระราชทานจาก

การรื้อวังเก่าจากสมเด็จพระบรมฯ เพราะงั้น เราก็ไม่

เคยคิดจะพึ่งบารมี ทั้งที่หลายครั้งที่ท่านนิมนต์เข้าไป

แสดงธรรม หรือบางครั้งนิมนต์ไปแสดงธรรม ก็มีคน

ถามว่า มีปัญหาอะไรจะให้ช่วย ก็ทำเฉย เพราะเห็นว่า

เป็นกิจกรรมศาสนา
เพราะฉะนั้น อย่าให้ชั้นต้องใช้บารมี แล้วก็หวังว่าคุณ

คงจะเข้าใจว่า ชั้นมานี่เพราะเหตุอะไร แล้วถ้าหากว่า

คุณตัดสินใจยังไง ชั้นจะคุยกับคุณได้อย่างไร คุณมี

เบอร์โทรศัพท์มั้ย
เค้าก็อึกอักๆ หยิบโน่นหยิบนี่
เอ้าๆ งั้น ผมให้เบอร์ผมไป มีปัญหาอะไร ติดต่อผมได้

ส่วนตัว ไม่ต้องผ่านเลขาฯ
เสร็จแล้วก็ ให้สุขภาพแข็งแรงนะ แล้วโรค

เรื้อนกวางที่เป็นน่ะ เดี๋ยวจะฝากยามาให้ เอ่อ แล้วก็

กลับ
กลับมาก็ เพิ่งมารู้เมื่อวานว่า เค้ามีข่าวลงทางไอที

internet ว่า หลวงปู่พุทธะอิสระ กับหลวงพี่น้ำ

ฝน เข้าไปมอบกระเช้าดอกไม้อวยพรวันเกิด ฯพณฯ

ท่าน ไชยา สะสมทรัพย์ อะไรอย่างนี้ คือ เค้าพูดถูก

แต่ไม่หมด
หลวงปู่เข้าไป เพื่อจะให้เค้าเลือกว่า ระหว่างสิ่งที่ผิด

กับสิ่งที่ถูก เค้าเลือกจะอยู่ฝั่งไหน อยู่ข้างใคร เอาอะไร
แล้ววันนี้ ส.ส. ลูกน้องเค้าจะขอเข้ามาพบ หลังจาก

ที่เราก็พยายามให้คนไปเรียกมาพบ เค้าก็อ้างว่า ไม่

กล้ามา เพราะกลัวลูกพี่ด่า แต่เมื่อวานนี้ เค้าโทรฯมา  
ก็เลยบอก ยังไม่คุย เอาไว้คุยวันนี้ ประมาณสัก 3-4

โมงเย็น เค้าจะเข้ามาพบ
ถามว่า ทำไมหลวงปู่จะต้องกล้าเข้าไป
ไม่ใช่ความกล้า ไม่จำเป็นต้องใช้ความกล้า
เพราะหลวงปู่เป็นศากยวงศ์ วงศ์ของพระศากยะ ก็คือ

ผู้อาจ ผู้กล้า ผู้สามารถ  
คนมีธรรมะ มันไม่เห็นชีวิตมีค่าเท่ากับคุณธรรม ไม่งั้น

เค้าจะมีคำกล่าวได้อย่างไรว่า
เสียสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ
เสียสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต
เสียสละชีวิตเพื่อรักษาธรรมะ
งั้น คนมีธรรมะ มันต้องเห็นคุณธรรมสำคัญกว่าชีวิต

อีกทั้งก็ใช้ลีลาของพระผู้มีพระภาคเจ้าที่พระองค์ทรง

เป็นผู้อาจ ผู้กล้า ผู้สามารถในตระกูลศากยวงศ์ ทั้งที่อุรุ

เวลกัสสปะ นทีกัสสปะ คยากัสสปะ 3 พี่น้อง เป็นเจ้า

ลัทธิ มีบริษัทบริวารตั้ง 3,000 กว่า
ท่านเห็นว่า ทั้ง 3 ท่าน เป็นผู้มากไปด้วยทิฏฐิเจ้าลัทธิ

ต้องไปข่ม กำหราบมิจฉาทิฏฐิให้ได้ เอาชนะ
ท่านไปของท่านองค์เดียว เข้าไป อุรุเวลกัสสปะ พอ

เห็นพระศาสดา สมณโคดมมา ก็ไม่ได้ใส่ใจ ให้ไปอยู่

ในโรงบูชาไฟ คือ โรงเก็บฟืน ไม่สนใจ แล้วก็แสร้ง

เนรมิตให้เป็นงูมาคอยรังควาญบ้าง สัตว์เลื้อยคลานบ้าง

ท่านก็ไม่สนใจ
คิดว่า เอ้าละ สมณโคดมมาอยู่ ก็ปล่อยให้อยู่ อยากอยู่ก็

อยู่ ไม่ต้องสนใจพูดคุย พอบ่อยๆ เข้า ก็ เอ๊ ทำไมไม่

ตายเสียที งูก็ยั้วเยี้ยไปหมด ก็ไม่ตาย ก็สงสัย ก็เข้าไป

ถาม ไปสอบ ท่านก็ถือโอกาสแสดงธรรม.. ทำให้อุ

รุเวลกัสสปะคลายมิจฉาทิฏฐิ
หลวงปู่ก็คิดอย่างนี้ คิดแบบนี้ว่า ที่เข้าไปในบ้านเจ้าพ่อ

เจ้าของซุ้มอะไรก็ตามทีแล้วแต่สังคมเค้าจะเรียกขาน

อย่างน้อยก็ไปให้แสงสว่างแก่เค้า ชี้ให้เค้าเห็นว่า สิ่งที่

ถูกควรจะเลือก สิ่งที่ผิด ควรจะปฏิเสธ
ท้ายก่อนจะมา เค้าก็บอก เดี๋ยวว่างๆ ผมจะแวะไปเยี่ยม

ไปกราบ
แล้วก็บอกกับเค้าว่า ไอ้ที่ส่งมือปืนมารังควาญทุกวันๆ

น่ะ ไม่ได้กลัว  
เมื่อวานนี้เย็นๆ มันก็มีมา วันแรกที่มันมา มันบอกว่า

มันเป็น สห. เป็นนายร้อย มาเมื่อวานนี้ เค้าตรวจ

บัตร เมื่อวานลูกน้องชั้น เริ่มฉลาดขึ้น เค้าเริ่มมีการ

ตรวจบัตร มีการถ่ายรูป พอดูหลักฐานแล้ว มันไม่ใช่

มันเป็นพลอาสา อาสาเฉยๆ แต่มาวันแรก มันแสดง

ตนว่า เป็นจ่า เป็นนายร้อย อ้างว่า ส่งมาจากกองพัน

สห.  
เมื่อวานนี้มา ฟอร์มใหม่ มาแบบประมาณว่า เอาเมีย

มาด้วย เอาลูกมาด้วย จะมาหาที่พัก ถือศีลกินเจ  
ก็ไม่ได้หวาดผวา ไม่ได้สะดุ้งกลัว
ระวัง แต่อย่าถึงขั้นระแวง ไม่งั้น มันจะทำร้ายคนดี
แต่ก็บอกให้ลูกหลานและท่านที่รักทั้งหลายฟังว่า

หลวงปู่จะสู้กับทุกคนที่มันบังอาจมาเอาประโยชน์กับ

ศาสนา ไม่ว่า ไอ้ อี คนไหนก็แล้วแต่ แม้จะตายก็จะ

ไม่ยอมก้มหัวหรือ ศิโรราบ
แต่การที่หลวงปู่เข้าไปในดงเสือ ดงควันปืน ไม่ใช่

เพราะไปศิโรราบ แต่ไปเพราะต้องการจะสั่งสนทนา

เพราะหลวงปู่เชื่อว่า คนทุกคนน่ะ มันมีความดีอยู่ในใจ

สำคัญว่า อ้ายความดีนั้น มันอยู่ลึกหรืออยู่ตื้นเท่านั้น

แหละ
ถ้าเราไปปลุกให้ความดีมันตื้นขึ้นมาหน่อย ก็อาจจะ

เห็นแสงสว่าง ให้โอกาสกับบุคคลทุกคนที่เค้า ไม่ว่า

ใครมันก็มีสิทธิ์จะบรรลุธรรมทั้งนั้น โจรห้าร้อยกับ

พระอรหันต์ มีสิทธิ์เท่ากันที่จะบรรลุธรรม ขอเพียง

เค้ามีโอกาส  
ถือว่า ไปให้โอกาสเค้า ไม่ได้ไปเพราะหวาดผวา

สะดุ้งกลัว ไม่ได้ไปเพราะว่า กลัวจะต้องโดนทุบ

โดนกระทืบ หรือโดนทำร้ายทำลาย แล้วก็ไม่ได้ไป

เพราะว่า มีมานะทิฏฐิ อหังการ อวดดี อวดใหญ่

นักเลงโต
ไม่มีอะไรจะไปอวด ไปมือเปล่าๆ จะไปอวดอะไรเขา

จีวรใส่
งั้น ก็เล่าให้ลูกหลานฟัง เดี๋ยวหลายคนอาจจะคลาง

แคลงสงสัยว่า เอ๊ เดี๋ยวนี้ หลวงปู่ต้องยอมศิโรราบกับ

เจ้าพ่อแล้วเหรอ กลัวตายขนาดนั้นหรือ
ไม่ใช่ ถ้ากลัวตาย คงไม่เดินเข้าไป แล้วก็ขอคุยเป็น

ส่วนตัว
เค้าก็เป็นนักเลงพอควร เปิดห้องให้เราเข้าไปคุย

ตามลำพังตัวต่อตัว ตกลงกันอย่างลูกผู้ชาย คุยกันให้รู้ว่า

อะไรคือที่มาที่ไปชัดเจน
งั้นก็ เล่าให้ลูกหลานฟังว่า หลวงปู่ไม่ได้เป็นคนไม่มี

จุดยืน ไม่มีอุดมการณ์ รวนเรเหลวไหล ลื่นถลา แค่

เอาตัวรอด เอาประโยชน์ก็อยู่ได้ อย่างนั้นไม่ใช่
ไม่ใช่ชีวิตหลวงปู่
หลวงปู่พุทธะอิสระไม่ได้เป็นคนคดในข้อ งอในกระดูก

ลื่นไหลไปเรื่อยเพื่อเอาตัวรอด เพื่อได้ประโยชน์ ทำ

ได้ทุกอย่าง อย่างนั้นไม่ใช่
แม้ตัวไม่รอด ถ้ามันถูกต้อง ก็จะทำ ให้จำเอาไว้
นี่คือ ครูของพวกเราทั้งหลาย
ก็เล่าให้ฟังว่า นี่คือ ประสบการณ์ กลับมาก็ อ้ายกุดบอก

เสียวโว๊ย อยู่กับหลวงปู่ เสียวได้ทุกเวลา มีโอกาสเสียว

โว้ย เสียวได้ทุกเวลา
ยังนึกอยู่ ยังคุยกับพวกมันอยู่ว่า เดี๋ยววันไหน กูดูฤกษ์

ผานาทีดีๆ สักตอนทุ่มสองทุ่ม จะลองเข้าไปจับเข่าคุย

กับนายน้ำฝนเค้าตัวต่อตัวดูบ้าง เพราะมันไม่น่าจะคุย

กันยาก เรื่องไม่ใช่เป็นเรื่องยาก ก็ยังต้องดูฤกษ์ก่อน

ดูฤกษ์ผานาที  
ไม่เสียดายคิ้วงานนี้ ไม่เสียดายคิ้ว อีประคองบอกว่า

อ้ายเฟิส ไปดูคิ้วซิ คิ้วหลวงปู่หล่นอยู่ตรงไหน บอก

เส้นละหมื่น เส้นละหมื่น คิ้วกูอุตส่าห์เก็บไว้ตั้งนาน

โกนคิ้วข่มนาม ก็ได้ประโยชน์ในระดับหนึ่ง
เอาล่ะ ก็ขอบใจลูกหลานที่คอยเป็นกำลังใจ คอยเชียร์

แต่อย่าเชียร์อยู่ไกลนัก อย่าแอบเชียร์ รู้จักเข้ามาเชียร์

ใกล้ๆ เพราะว่า มึงสังเกตุดูพระวัดกู ตาจะลึกๆ กันทั้ง

นั้น
เออ เพราะเข้าเวรกันมาทุกวันๆ จนสมภารรู้ข่าว

ถามอ้ายวารินทร์ จบหรือยังๆ อ้ายวารินทร์เค้าเล่าให้

ฟัง ถาม ทำไม หลวงพี่ จบแล้วจะได้ไปทำงานอย่างอื่น

ดูสมภาร