Print
Hits: 16443
 
 
        ที่อัศจรรย์ก็คือ หูพวกเรายังได้ยินเสียงกระดิ่งดังระคนกับเสียงพระสวดมนต์อยู่เลยเป็นอันว่า ทุกคนปลอดภัย ไม่มีใครเป็นอันตรายใดๆ เลย แม้แต่ลอยแมวข่วน เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยกู้ภัยมาช่วยดึงรถขึ้นมาบนถนน มีชาวบ้านพากันมามุงดูและสอบถามว่ามีใครเป็นอันตรายบ้างหรือเปล่า พอทราบว่าไม่มี ต่างพากันพิศวงงงกันเป็นแถวพร้อมกับถามว่ามีพระดีอะไร ข้าพเจ้าและพระทั้งหมดต่างก็บอกว่าไม่มีอะไร จะมีก็แต่กระดิ่งหน้ารถเท่านั้น พูดเท่านี้เจ้าหน้าที่ก็นิมนต์ให้ขึ้นรถจะได้ไปสอบปากคำ
       
       เมื่อเจ้าหน้าที่สอบปากคำเสร็จ เห็นว่าเป็นเรื่องสุดวิสัย และไม่มีใครเสียหาย จึงได้ปล่อยตัวมาโดยให้ตำรวจขับรถของโรงพักอู่ทองมาส่งที่วัด ส่วนรถวัดได้ลากมาซ่อมที่อู่ข้างวัด ช่างตีราคาซ่อมทั้งหมด 80,000 บาท นั่นก็หมายความว่าต้องซ่อมทั้งคัน ทั้งๆ ที่เป็นรถที่ใช้ได้แค่ปีเดียว แต่ที่น่าเสียดายก็ คือ กระดิ่งสวัสดิกะได้หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
       
       อีกเรื่องพี่สุ่มภรรยาพี่รักษ์แม่ครัว ห้อยนิลรูปหัวใจมียันต์สวัสดิกะ ไปถอนฟัน หมอได้ฉีดยาชา ฉีดเท่าไหร่ก็ฉีดไม่เข้า หมอต้องให้เอาพระห้อยคอที่เป็นนิลสวัสดิกะออกจากคอ จึงจะฉีดเข้า โยมหลังวัดเคยเข้ามาช่วยงาน หลวงปู่ท่านแจกพระสังกัจจายน์ให้ไปแขวนคอ พอดีชาวบ้านเขามีเรื่องกันก็เลยเข้าไปดู โดนลูกหลงถูกยิงเข้าที่ท้องแต่ไม่เข้า มีแต่รอยไหม้เท่านั้น ญาติของข้าพเจ้าไปติดนักร้องไม่ยอมกลับบ้าน ข้าพเจ้าให้ภรรยาเขา หาจังหวะเอาผ้าแดง แอบใส่กระเป๋าเงิน ตั้งแต่วันนั้นมาญาติข้าพเจ้าไม่ไปหานักร้องอีกเลย
       
       มีเด็กชายลพบุรี หลังจากบวชเณรแล้วสึกออกไปเรียนหนังสือ ระหว่างทางขับรถมอเตอร์ไซค์ไปโรงเรียน โดนรถกระบะชนท้าย ตัวลอยขึ้นไปติดอยู่เกาะกลางถนน ไม่เป็นอะไรเลย แต่รถมอเตอร์ไซค์แหลกไม่มีชิ้นดี ตำรวจพลร่มค่ายนเรศวรขับมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน ต้องข้ามทางรถไฟแต่ไม่พ้น โดนชน ตัวลอยกระเด็นมากองอยู่บนกอหญ้าข้างทาง รถมอเตอร์ไซค์ติดหน้ารถไฟไปเป็นกิโล ตำรวจพลร่มท่านนั้นมิได้เป็นอะไรแม้แต่น้อย เขาห้อยพระสมเด็จปรกโพธิ์ ของหลวงปู่ท่านแจกให้พวกตำรวจ ทหาร และครู ที่ขึ้นไปช่วยท่านทำบันไดขึ้นถ้ำไก่หล่น คุณพงศ์ลูกศิษย์ของหลวงปู่ใส่ดาวสุริยะไปติดต่องาน ไม่ว่าจะเข้าไปที่บริษัทใด เค้าจะต้องตกลงให้งานคุณพงศ์มาทำทุกครั้งไป
       
       ครั้งหนึ่งเณรสว่างเดินทางไปปราจีนบุรี ญาติเขาโดนผีเข้าหรือ เป็นอะไรก็ไม่ทราบเพราะอาการของคนไข้วิกลจริต ไม่ยอมกินข้าวกินน้ำจะอยากกินแต่ของคาวของสด เช่นเครื่องในสัตว์สดๆ เลือดสดๆ ญาติพาไปหาหมอหาพระมาหลายแห่งแต่ก็ไม่หาย เณรสว่างลองเอาเหรียญพระมหาโพธิสัตว์รูปใบโพธิ์ ใส่น้ำทำน้ำมนต์ พร้อมระลึกถึงคุณของหลวงปู่และเอาน้ำมนต์กรอกปากให้แก่ผู้ป่วยกิน แล้วราดตามลำตัว ครู่ต่อมาคนไข้แสดงอาการทุรนทุราย และล้มลง พอฟื้นขึ้นมาทุกอย่างก็หายเป็นปกติ เพราะอานุภาพของเหรียญใบโพธิ์ของหลวงปู่
       
       ยังมีประสบการณ์ที่เกิดจากพระเครื่องของหลวงปู่กับผู้คนทั้ง หลายอีกมากมายสุดจะบรรยายให้หมดไปได้ในที่นี้ แต่ที่มิได้แพร่หลายออกสู่สังคมข้างนอก ก็เพราะหลวงปู่ท่านสั่งห้าม มิให้ใคร ผู้ใด ไปประกาศโฆษณา เพราะจะทำให้ท่านอยู่ไม่อิสระ พวกเราสานุศิษย์ ทุกคนก็เลยไม่มีใครกล้าเล่าหรือบอกใคร
       
       เหตุที่ข้าพเจ้าเขียนมาเล่าสู่กันฟังได้นี้ก็ด้วยคิดว่า หนังสือเล่มนี้คงจะไม่แพร่หลายออกไปสู่สังคมข้างนอกนัก แค่แจกจ่ายอยู่ในบรรดาลูกหลานของหลวงปู่ก็คงจะหมดแล้ว เพราะเหตุว่าพิมพ์จำนวนจำกัด เลยไม่ลำบากใจที่จะเล่าสู่กันฟัง
       
       เขียนมาเสียยืดยาว มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ถูกบ้างผิด บ้าง ก็ต้องขออภัย แต่ข้าพเจ้าขอยืนยันได้ว่า ทั้งหมดที่ได้บรรยายมานี้ เป็นประสบการณ์ทางวิญญาณของข้าพเจ้า ที่ได้มีโอกาสเรียนรู้และสัมผัสกับชีวิตจริงของหลวงปู่ในช่วงสั้นๆ ที่จริงยังมีเรื่องอีกมากมาย ที่อยากจะเล่าสู่กันฟัง แต่ก็เกรงว่าจะเปลืองหน้ากระดาษ จะเป็นการปิดโอกาสของท่านผู้อื่นที่ต้องการจะเขียนมาบรรยายบ้าง ไว้โอกาสหน้าถ้ามีข้าพเจ้าจะเขียนมาเล่าสู่กันฟังใหม่ ยังจะมีเรื่องอีกมากมายที่น่าสนใจ เกี่ยวกับหลวงปู่ ที่ข้าพเจ้ายังมิได้เล่าให้ฟัง สุดท้ายก็ต้องขอท้าเชิญชวนให้ท่านทั้งหลายมาพิสูจน์ด้วยตนเอง ว่าสิ่งที่ข้าพเจ้าเขียนมาทั้งหมดนี้เป็น เรื่องจริงหรือไม่ เพราะข้าพเจ้ามั่นใจว่า ช่วงเวลาร่วม 10 ปี ที่ได้อยู่กับหลวงปู่ ท่านเป็นผู้คงทนต่อการพิสูจน์เสมอ ซึ่งก็จำได้ว่าท่านจะเขียนบนโศลกเตือนลูกหลานเอาไว้ว่า เหล็กแท้ไม่กลัวการทุบตี เพชรแท้ไม่กลัวการเจียระไน ทองแท้ไม่กลัวการเผาไฟ คนดีแท้ๆไม่กลัวการพิสูจน์ ตลอดเวลาร่วม 10 ปี ที่ข้าพเจ้าอยู่กับท่าน ท่านจะให้ความรักความเอื้ออาทรต่อทุกคนอย่างเสมอภาคกัน ไม่ว่าจะยากดี มีจน สูงศักดิ์ปานใด ทุกคนเมื่อเข้ามาอยู่ใกล้ท่าน ท่านจะให้ความสำคัญเสมอเหมือนกัน สำหรับข้าพเจ้าแล้วท่านเป็นทุกอย่างของข้าพเจ้า ท่านเป็นทั้งพ่อ เป็นทั้งแม่ เป็นทั้งพี่ และบางครั้งท่านก็เป็นเพื่อนให้แก่พวก เราได้ผ่อนคลาย ท่านจะให้ความรักเป็นกันเอง โดยมิได้ถือเนื้อ ถือตัว หลวงปู่ท่านจะพูดเสมอว่า มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายมีธรรมอันเสมอกันคือความตาย แล้วจะอะไรกันนักหนา จงอยู่ในโลก เพื่อใช้สมมุติยอมรับใน สมมุติ รับประโยชน์จากสมมุติ ให้ประโยชน์แก่สมมุติ และสุดท้ายจงอย่ายึดติดในสิ่งที่เป็นสมมุติ
       
       สรุปสิ่งที่ข้าพเจ้าได้จากหลวงปู่นั้นมีมากมายเหลือสุดคณานับ แต่ที่พอจะยกมาเล่าสู่กันฟัง พอจำได้ก็คือวิชาที่ข้าพเจ้าจดบันทึกเอาไว้ ที่ท่านได้ถ่ายทอดให้แก่พวกเรา มีดังนี้
      -จงทำตนให้เหมือนรวงข้าว ที่ยิ่งสุกก็ยิ่งอ่อนน้อม (คือยิ่งรู้ตัวว่ามีประโยชน์ต่อโลกก็ยิ่งต้องอ่อนน้อมถ่อมตนให้มาก)
       -บุรุษผู้แข็งแรง โดยมีคุณสมบัติคือ อดทน จริงใจ กล้าหาญ ว่องไว ขยัน ฉลาด
       -วิชาลมเจ็ดฐาน เคล็ดวิชามี 3 ศักดิ์สิทธิ์คือ กายศักดิ์สิทธิ์ ธรรม ศักดิ์สิทธิ์ จิตศักดิ์สิทธิ์ และรวมศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามให้เป็นขุมพลังหนึ่งเดียว
       -วิชาเท้านารี ใช้หลักแรงโน้มถ่วงและลอยตัว เคลื่อนย้าย อย่างไร้น้ำหนักกด อิสระและมีเสรีภาพ
       - วิชาโยกย้ายเส้นเอ็น ใช้หลักการเดินลมปราณ รักษาสมดุลของเลือดลมภายในกาย และไขกระดูก และรวมพลังปราณ เพื่อต้านรับและรุกใน ขณะที่ต้องการ
       - วิชาขันธมาร เป็นวิชาชั้นสูง ศึกษาเพื่อให้รู้ว่า มารในขันธ์ทั้ง 5 นั้นมี อะไรบ้าง จะได้ป้องกันมิให้มันเกิดขึ้น
       -วิชานิรรูป คือไร้รูป ไร้ลักษณะ ไร้ร่องรอย ไร้อารมณ์ หลวงปู่ท่านบอกว่า เพราะวิชานี้ท่านจึงได้นามว่า เฒ่าไม้แห้ง
       -วิธีให้ด้วยใจบริสุทธิ์ ดูดพลังจากธรรมชาติ หลวงปู่ท่านจะชำนาญในวิชานี้มาก สังเกตดูเวลาทำงานหนักและอ่อนล้า ท่านจะเดินไปหาที่ร่มเย็น และไม่กี่นาทีต่อมาท่านจะกลับมาทำงานใหม่ได้อย่างสดใส สดชื่น และมีพลังมากกว่าเดิมหลายท่านคงจะสังเกตเห็นถ้าได้อยู่ใกล้ชิดท่าน
       -วิชาจี้สกัดจุด รักษาโรค
       -วิชาแยกธาตุในกาย และสุดท้าย
       - พลังตังเกี๋ย (ม้าอาชาไนย)
       
       และเป็นที่น่าเสียดายว่า ช่วงหลังท่านได้ถ่ายทอด สมาธิพระโพธิสัตว์ ทั้ง 5 ข้าพเจ้ามิได้มีโอกาสเรียนรู้ ก็ขอฝากให้ท่านผู้ใดที่มีวาสนาได้รับการถ่ายทอดช่วยชี้แนะสั่งสอนข้าพเจ้า เพื่อเป็นทานด้วย จะขอบพระคุณอย่างยิ่ง นอกจากข้าพเจ้าจะเขียนบรรยายประสบการณ์ทางวิญญาณมาเล่าสู่กันฟังแล้ว ข้าพเจ้ายังเก็บรวบรวมบทโศลกรุ่นเก่าๆ ของหลวงปู่ รวมทั้งไวยากรณ์อรหันต์ที่ท่านได้รจนาขึ้น ทั้งหมดมี 2 เล่ม ข้าพเจ้าได้นำส่งคืนแก่วัดธรรมอิสระ (อ้อน้อย)แล้ว ท้ายนี้ข้าพเจ้าขอแสดงความคารวะอย่างสูง ต่อพระเดชพระคุณพระมหาโพธิสัตว์ผู้ประเสริฐที่ได้เกิดอุบัติมาเป็นครูผู้ เอื้ออารีของข้าพเจ้าและเหล่าสานุศิษย์ ข้าพเจ้าจะเพียรพยายามทำสิ่งที่พระเดชพระคุณท่านได้สั่งสอนให้บรรลุจุด ประสงค์ให้จงได้ เพื่อบูชาคุณครูผู้ประเสริฐ ขออาจารย์ปู่ของข้าพเจ้าจงเป็นมหาเทพขอทาน บรมโพธิสัตว์ผู้ยิ่งใหญ่
       
       ปู่คือผู้นำทางแห่งชีวิต
       คอยช่วยชี้ ช่วยคิด ให้ลูกหลาน
       ให้ทางเดิน ปฏิบัติตาม ธรรมเป็นทาน
       ให้ลูกหลาน เรียนรู้ สู่ความดี
       รักและบูชาปู่เสมอ จากศิษย์ไม่รักดี ปราโมท แก้วพิจิตร