อะระหัง  สัมมาสัมพุทโธ                  พระสัมมาสัมพุทธเจ้า  เป็น
                                                   พระอรหันต์
อุตตะมัง  ธัมมะมัชฌะคา                   ได้บรรลุธรรมอันอุดม
มะหาสังฆัง  ปะโพเธสิ                        ยังสงฆ์หมู่ใหญ่ ให้ตรัสรู้แล้ว
อิจเจตัง ระตะนัตตะยัง                        ธรรมสามอย่างแห่งรัตนนี้ อย่างนี้
พุทโธ  ธัมโม  สังโฆ  จาติ                  พระรัตนตรัยแม้เป็นต่างกันโดย
                                                     วัตถุว่า
นานาโหนตัมปิ  วัตถุโต                       พุทโธ ธัมโม และสังโฆดังนี้
อัญญะมัญญาวิโยคา  วะ                     แต่เป็นอย่างเดียวกัน โดยเนื้อความ
เอกีภูตัมปะนัตถะโต                           เพราะไม่พรากจากกันและกันได้
พุทโธ  ธัมมัสสะ  โพเธตา                  พระพุทธเจ้าเป็นผู้ตรัสรู้พระธรรม
ธัมโม  สังเฆนะ  ธาริโต                      พระธรรมอันพระสงฆ์ทรงจำ
                                                    และทำได้
สังโฆ จะ สาวะโก พุทธัสสะ                พระสงฆ์จึงเป็นสาวกของ
                                                     พระพุทธเจ้า
อิจเจกาพัทธะเมวิทัง                         พระรัตนตรัยเนื่องเป็นอันเดียว
                                                      กันอย่างนี้แล
วิสุทธัง  อุตตะมัง   เสฏฐัง                  พระรัตนตรัยนี้ เป็นของหมดจด
โลกัสมิง  ระตะนัตตะยัง                       แลอุดมประเสริฐในโลก
สังวัตตะติ  ปะสันนานัง                       ย่อมเป็นไปพร้อมเพื่อความหมด
                                                     จดอย่างยิ่ง
อัตตะโน  สุทธิกามินัง                         แก่สัตว์ทั้งหลาย ผู้เลื่อมใสแล้ว
สัมมา ปะฏิปัชชันตานัง                          ผู้ใคร่ถึงซึ่งความหมดจด
ปะระมายะ  วิสุทธิยา                             แก่ตนผู้ปฏิบัติอยู่โดยชอบ
วิสุทธิ  สัพพักเลเสหิ                              ความหมดจดจากสรรพกิเลส
                                                         ทั้งหลาย
โหติ  ทุกเขหิ  นิพพุติ                            ย่อมเป็นความดับจากทุกข์  ทั้งหลาย
นิพพานัง  ปะระมัง  สุญญัง                    ความดับ  เป็นธรรมสูญอย่างยิ่ง
นิพพานัง  ปะระมัง  สุขัง                       ความดับ  เป็นสุขอย่างยิ่ง
เอเตนะ  สัจจะวัชเชนะ                         ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้
สุวัตถิ  โหตุ  สัพพะทา                          ขอความสวัสดี จงมีในกาลทั้งปวง
ระตะนัตตะยานุภาเวนะ                          ด้วยอานุภาพแห่งพระรัตนตรัย
ระตะนัตตะยะเตชะสา                          ด้วยเดชแห่งพระรัตนตรัย
อุปัททะวันตะรายา  จะ                         อุปัทวะ และอันตรายทั้งหลายด้วย
อุปะสัคคา  จะ  สัพพะโส                     ความข้องขัดทั้งหลายด้วย
มา  กะทาจิ  สัมผุสิงสุ                         อย่าได้พ้องพาน “สยามรัฐ ” นี้
รัฏฐัง  สยามานะเมวิทัง                        ในกาลไหน ๆ ได้เลย
อาโรคิยะสุขัญเจวะ                              สุขเกิดแต่ความเป็นผู้ไม่มีโรคด้วย
ตะโต  ทีฆายุตาปิ                                และจงเป็นชนผู้มีอายุยืนด้วย
ตัพพัตถูนัญจะ  สัมปัตตะโย                        ความสมบูรณ์แห่งวัตถุทั้งหลาย   
                                                        จงมีแด่ชนนั้น ๆ ด้วย
สุขัง  สัพพัตถะ  โสตถิ  จะ                       ความสุขสวัสดี  ในเหตุทั้งหลาย
                                                         ทั้งปวงนั้น
ภะวันตุ  สัมปะวัตตันตุ                            จงมี  จงเป็นไปพร้อม
สยามานัง รัฏฐะปาลินัง                          แก่เหล่ารัฐบาลสยามทั้งหลาย
เต  จะ  รัฏฐัญจะ  รักขันตุ                      ขอเหล่าเทพยดา  ผู้ดำรงอยู่ใน
                                                          “สยามรัฏ”
สยามะรัฏฐิกะเทวะตา                            อันพวกรัฐบาลสยาม    บูชาแล้ว
                                                         ด้วยธรรมเป็นอันดี
สยามานัง  รัฏฐะปาลีหิ                           และเหล่าอามิสบูชาทั้งหลาย
ธัมมามิเสหิ  ปูชิตา                               จงมาช่วยกัน รักษาพวกรัฐบาล
                                                        และแว่นแคว้นสยาม
สิทธะมัตถุ  สิทธะมัตถุ                           ขอผลแห่งจิต อันเลื่อมใส
สิทธะมัตถุ  อิทัง  ผะลัง                         ในพระรัตนตรัยนี่นี้
เอตัสมิง  ระตะนัตตะยัสมิง                     จงเป็นผลสำเร็จ  จงเป็นผลสำเร็จ
สัมปะสาทะนะเจตะโส ฯ                        จงเป็นผลสำเร็จ ทุกประการเทอญ