พระมหากษัตริย์ไทยแต่ละพระองค์ล้วนแต่ทรงมีพระปรีชาญาณในการใช้กุศโลบายให้เกิดความรักความสามัคคี จนกลายเป็นพลังของแผ่นดินไทย ร่วมกันพัฒนาชาติให้เจริญรุ่งเรืองมาได้ ทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบัน

เช่น สมัยกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระนเรศวร หลังจากเสด็จกลับมาจากการเป็นเชลยลูกหลวงของพม่า ก็ทรงรวบรวมไพร่พลชาวบ้านผู้มีใจรักชาติ จัดตั้งกองกำลังฝึกปรืออาวุธ เพื่อต้องการจะปลดแอกตนเองออกจากอำนาจของพม่า

มาถึงยุคปลายกรุงศรีที่ต้องตกอยู่ในสภาวะสงครามกับพม่า พระยาตากได้รวบรวมไพร่พลและชาวบ้าน ตีฝ่าวงล้อมข้าศึกหนีไปตั้งหลักที่เมืองจันทบุรี แล้วรวบรวมกำลังไพร่พลทั้งทางบกและทางน้ำ แล้วยกกลับมาตีเอากรุงศรีคืนจากพม่า

แต่ทรงเล็งเห็นว่า กรุงศรีอยุธยาต้องเผชิญกับข้าศึกมาหลายครั้ง พวกข้าศึกต่างรู้จักชัยภูมิของกรุงศรีเป็นอย่างดี ซึ่งง่ายต่อการเข้าโจมตี

อีกทั้งบ้านเมืองในกรุงศรีขณะนั้นก็บอบช้ำจากการที่พม่าเข้ามาปล้นทำลาย ยากที่จะเยียวยาให้ฟื้นกลับคืนมาได้

จึงทรงย้ายไพร่พลชาวบ้านให้มาทางตอนใต้ของลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วสร้างบ้านแปงเมือง ณ ชัยภูมิที่ตั้ง ริมฟากฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาด้านทิศใต้ ณ กรุงธนบุรี

มาจนถึงยุครัตนโกสินทร์ สมัยล้นเกล้ารัชกาลที่ ๖ ก็ทรงจัดตั้งกองเสือป่า ซึ่งเป็นกองกำลังกึ่งทหารที่จัดตั้งขึ้นในลักษณะกองอาสาสมัครรักษาดินแดนหน่วยงานแรกในประเทศไทย เพื่อฝึกอบรมข้าราชการ พ่อค้า คหบดี ให้ได้รับการฝึกหัดอย่างทหาร ให้เป็นราษฎรที่มีคุณภาพ มีวินัย เคารพกฎหมายบ้านเมือง มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และส่งเสริมความสามัคคี ทั้งยังทรงเป็นผู้บัญชาการฝึกกองกำลังนั้นด้วยพระองค์เอง

ต่อมาถึงยุครัชกาลที่ ๙ ทรงเสด็จออกเยี่ยมทหาร ตำรวจ ที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณตะเข็บรอยต่อชายแดนทั่วประเทศ ได้ทรงสานงานพระราชดำริของล้นเกล้ารัชกาลที่ ๖ ด้วยการทรงเสด็จไปพระราชทานธงลูกเสือชาวบ้านเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ

จึงทรงทอดพระเนตรเห็นความยากลำบากของเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจที่ทำหน้าที่เสียสละเพื่อบ้านเมืองอย่างกล้าหาญ

จึงทรงดำริตั้งมูลนิธิสายใจไทย เพื่อทำการดูแลรักษาพยาบาลเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังทรงดำริให้จัดตั้งกองกำลังรักษาดินแดนและหมู่บ้านป้องกันชายแดน เพื่อทำหน้าที่ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่บ้านเมืองในการปกป้องแผ่นดินไทย

มาถึงยุคล้นเกล้ารัชกาลที่ ๑๐ ทรงดำเนินกุศโลบายของสมเด็จพระราชบิดา ด้วยการจัดตั้งหน่วยงานจิตอาสาบำเพ็ญประโยชน์ให้แก่สังคมและชุมชน

โดยมีข้าราชบริพารในพระองค์เป็นกำลังหลักนำร่อง พร้อมเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจ และประชาชนจิตอาสาทุกหมู่เหล่า ทุกสี ทุกเพศทุกวัย

พวกเขาได้พากันตระเวนไปแก้ปัญหาขยะและเศษวัชพืชตามคูคลองและลอกท่อระบายน้ำในพื้นที่ต่างๆ

ทั้งยังมีบรรดาชาวบ้านในชุมนุมนั้นๆ ต่างพากันออกมาให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือกันอย่างพร้อมเพรียง

หากโครงการนี้ขยายไปทั่วประเทศ จักกลายเป็นพลังของแผ่นดินอันยิ่งใหญ่ สามารถแก้ปัญหาความแตกแยกของสังคม

แก้ปัญหาท่ออุดตัน ขยะเต็มคลอง และเป็นกำลังในการช่วยพัฒนาประเทศได้ดียิ่ง และช่วยแก้นิสัยมักง่ายทิ้งขยะของคนในชุมชนได้อีกตะหาก

นับว่าเป็นพรอัจฉริยภาพของพระเจ้าแผ่นดินของสยามโดยแท้
และขณะนี้ทรงมีพระราชดำรัสรับสั่งให้มีการเปิดรับสมัครจิตอาสาเพื่อเข้ามาช่วยงานในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในงานต่างๆ ทั้ง ๘ ประเภท ได้แก่ งานดอกไม้จันทน์ งานประชาสัมพันธ์ งานโยธา งานขนส่งเพื่อความปลอดภัยของประชาชน งานบริการประชาชน งานแพทย์ งานรักษาความปลอดภัย และงานจราจร

พุทธะอิสระจึงขอเรียกร้องให้พี่น้องไทยผู้มีหัวใจรักชาติทุกคน ที่ร่วมกันต่อสู้เพื่อบ้านเมืองในทุกเวที และชาวครอบครัวธรรมอิสระทุกคน ก็ควรมาร่วมแรงร่วมใจกันเป็นพลังของแผ่นดิน เพื่อปฏิบัติงานด้วยจิตอาสา ช่วยในงานพระบรมศพครั้งนี้โดยพร้อมเพียงกัน

พุทธะอิสระ