ไม่คิดว่า การบริหารจิตอาสาที่เต็นท์หมายเลข ๙ มันจะเหนื่อยหนักขนาดนี้

ด้วยหลักคิดที่ว่า แขกของพ่อทุกคนต้องมีข้าวมีน้ำกินอย่างไม่อดไม่อยาก แต่ก็มิใช่เหลือเฟือ ฟุ่มเฟือย จนทิ้งขว้าง

และด้วยหลักคิดนี้แหละ จึงนำมาซึ่งการที่จะต้องบริหารวัตถุดิบในการประกอบอาหารให้คุ้มค่า เหมาะสม

บริหารกระบวนการจัดเก็บวัตถุดิบ ทั้งสด ทั้งแห้ง ซึ่งปวดหัวมาก
บริหารเมนูอาหารให้ตรงต่อวัตถุดิบที่มีอยู่อย่างมีคุณค่า

บริหารการผลิตให้สด สะอาด มีคุณค่า รสชาติดี

บริหารหลังงานให้พร้อมใช้อย่างไม่ขาดแคลนและเหมาะกับเมนูอาหารในแต่ละชนิด เพราะอาหารในแต่ละชนิดย่อมใช้พลังงานความร้อนไม่เท่ากัน

บริหารกระบวนการบรรจุ และอาหารที่จักบรรจุ

บริหารอุปกรณ์และภาชนะในการบรรจุ

บริหารเงินที่เป็นต้นเรื่องของวัตถุดิบให้เพียงพ่อต่อการใช้จ่าย

บริหารคนที่เป็นจิตอาสา ซึ่งมาจากหลายที่ หลายสังคม หลายความรู้ หลายนิสัย หลายอารมณ์

และด้วยความหลากหลายของคนที่มาเป็นจิตอาสานี่แหละ จึงทำให้ยากต่อการที่จะบริหารพฤติกรรม กิจกรรม ให้เหมาะสมต่อภารกิจปรุงอาหารพระราชทานให้ทันต่อความต้องการของแขกของพ่อ ซึ่งมีข้อกำจัดอยู่ที่เวลาและจำนวนคน

เมื่อมีเวลาจำกัด มีคนหลากหลาย ผู้บริหารจึงจำเป็นต้องใช้สารพัดวิธีเพื่อให้งานทุกชนิดออกมาดี มีผลอันเลิศ

โดยเงื่อนไขดังกล่าวท่านทั้งหลายจึงได้เห็นพุทธะอิสระเล่นสารพัดบท เพื่อเป็นแรงผลักแรงดัน หรือบางครั้งก็เป็นแรงถีบ บางทีคนถีบก็หมดแรงเหมือนกัน

ต้องยอมรับว่าในช่วงเวลาที่บริหารเวทีแจ้งวัฒนะและมวลชน พุทธะอิสระยังไม่ปวดหัวขนาดนี้เลย นี่คงเป็นเพราะงานของพ่อผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ที่เรามิกล้าจะใช้แต่พระเดช ความเด็ดขาด

ด้วยเพราะนึกถึงภาพของพ่อที่ทรงตรากตรำ กรำแดดกรำฝน อาบเหงื่อต่างน้ำ เพื่อลูกไทยของพระองค์

จึงทำให้พุทธะอิสระมีแรงฮึดสู้ต่อทุกปัญหา ลุกขึ้น ทั้งถีบ ทั้งยืน เพื่อให้แขกของพ่อได้มีข้าวกิน และไม่อยากทำให้จิตอาสาลูกไทยของพ่อทุกคนเสียใจ

เอาเป็นว่างานนี้เราคงต้องพยายามบริหารอารมณ์ตนเองมิให้เป็นมลภาวะแก่ลูกของพ่อมากจนเกินไปนัก เพื่อให้งานของพ่อออกมาเรียบร้อยสมบูรณ์ที่สุด

พุทธะอิสระ