ความเดิมตอนที่แล้ว

ได้เขียนเล่ามาถึง สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก องค์ที่ ๑๙ ทรงมีพระบัญชา ให้ช่วยทำงานพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะปัญหาเรื่องของธรรมกาย ผู้ทำให้พระธรรมวินัยวิปริต และละเมิดกฎหมาย

เมื่อพุทธะอิสระ ตกลงรับสนองงาน ในองค์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกแล้ว ก็มาคิดว่า

ตัวเราเป็นแค่พระบ้านนอกมีดีกรีแค่นักธรรมเอก ไม่ได้จบมหาเปรียญธรรมใดๆ เหมือนพวกเขา

ไม่มีอำนาจ

ไม่มียศถาบรรดาศักดิ์

ไม่มีทรัพย์สินเงินทอง

ไม่มีบริวารที่เป็นเศรษฐี มหาเศรษฐีอย่างพวกเขา

ซึ่งจะแตกต่างกับลัทธิธรรมกาย เค้ามีทั้ง

อำนาจ ทางการเมืองคอยหนุน

อำนาจของมหาเถรสมาคมปกป้องคุ้มกัน

ทรัพย์สินเงินทองก็มีมากมายมหาศาล

ทั้งยังมีบริวารที่มีดีกรีเป็นถึงด็อกเตอร์ ศาสตราจารย์ นักวิชาการ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ เป็นบริวารมากมาย

ไหนเลยเราจักไปสู้รบปรบมือ จัดการอะไรกับพวกลัทธิธรรมกายนี้ได้

แต่ด้วยสัจจะวาจา ที่ได้รับคำพระบัญชาจาก องค์สมเด็จพระสังฆราช ผู้สง่างามยิ่งทรงมีพระบัญชาแล้ว

เราคงจักมิอาจปฏิเสธ เพิกเฉย ละเลยเสียมิได้

ในขณะเดียวกัน ก็ได้รับรู้ถึงปัญหา การละเมิดพระธรรมวินัยของพวกพระนักปกครอง ที่เกิดขึ้นอยู่เนืองๆ อย่างต่อเนื่อง

อีกทั้งยังมีการรวมหัวกันทุจริตเงินอุดหนุนจากรัฐบาล มาตั้งแต่ก่อตั้งสำนักพระพุทธศาสนา

ฉันมานั่งตรึกตรองดูแล้ว ว่าเราคงจักทำอะไร ลัทธิวิปริตนี้ไม่ได้หากยังมีรัฐบาลของคนตระกูลชินคุ้มกะลาหัวพวกเขาอยู่

ตอนนี้หากจะทำได้คงต้องเก็บข้อมูลหลักฐานความวิปริตของพวกที่เข้ามาอาศัยพระพุทธศาสนาหากินไปเรื่อยๆ แล้วเฝ้ารอโอกาส

รอจังหวะว่าเมื่อใดรัฐบาลของคนตระกูลชินจักตกอับอ่อนแอ

และเมื่อนั้นคงจักเป็นวันที่จัดการกับลัทธิวิปริตนี้ได้อย่างแน่นอน
และแล้ววันนั้นก็มาถึง

วันที่รัฐบาลของคนตระกูลชินประสบกับความล้มเหลวในการบริหารประเทศ

วันที่รัฐบาลของคนตระกูลชิน ลุแก่อำนาจออกกฎหมายนิรโทษกรรมยกเข่ง

จนนำมาซึ่งความไม่พอใจของมวลมหาประชาชน

แล้วลุงกำนัน ก็ออกมาถือธงนำหน้าประท้วงรัฐบาลของนายกปู
จนเกิดเวทีของลุงกำนันที่สามเสน

เกิดเวทีของ คปท. ที่อุรุพงษ์

เกิดเวทีกองทัพธรรมของสันติอโศก ที่หน้ากระทรวงศึกษาธิการ

พุทธะอิสระตระเวนไปทุกเวที เพื่อนำอาหารไปเลี้ยง นำเงินไปบริจาคสมทบทุนสนับสนุน

แล้วพยายามสำเหนียกรับฟังแต่ละเวทีว่า

มีเวทีไหนบ้างที่จะชูธงปฏิรูปพระพุทธศาสนาและกำจัดเห็บหมัดที่เกาะกินพระธรรมวินัย

แต่ละเวทีหาได้มีการพูดถึงการปฏิรูปใดๆ เลยไม่

จนลุงกำนัน ประกาศขยายการชุมนุม กระจายไปตามจุดต่างๆ จึงเป็นโอกาสดีที่พุทธะอิสระ จักเข้าไปแทรก เพื่อผลักดันให้เกิดการปฏิรูป กิจการพระพุทธศาสนา และจัดการกับลัทธิธรรมกาย

ต่อมาลุงกำนันเสนอให้ฉันและแกนนำในแต่ละจังหวัดไปตั้งเวทีอยู่ที่ถนนแจ้งวัฒนะ

พุทธะอิสระกลับมาวัด ประกาศหาแกนนำในแต่ละจังหวัดที่สามารถรวบรวมมวลชน มีมวลชนเป็นของตนเอง

ซึ่งช่วงแรกก็มีแกนนำนครปฐม เพรชบุรี ราชบุรี ปทุมธานี นนทบุรี มาร่วมประชุมกันที่ศาลาวัดอ้อน้อย แล้วแสดงความพร้อมที่จะระดมพล มาร่วมชุมนุม โดยมีเป้าหมายร่วมกันที่จะเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูป

แต่พุทธะอิสระก็ยังสงวนท่าที มิได้แจ้งต่อที่ประชุม ว่าเรามีแผนการที่จะจักปฏิรูปกิจการคณะสงฆ์และจัดการกับลัทธิธรรมกาย

ด้วยเพราะมีคนที่มาจากนนทบุรี และปทุมธานี ซึ่งเป็นจังหวัดที่ใกล้เคียงกับที่ตั้งลัทธิธรรมกาย

เราจึงยังไม่มั่นใจว่า พวกเขาจักยอมรับและเข้าร่วมด้วยหรือไม่

และแล้ววันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๗ วันที่พวกเราเคลื่อนพลไปตั้งเวทีก็มาถึง

ก่อนที่จะมีการไปตั้งเวที ฉันและแกนนำได้ไปดูทำเลที่ตั้ง ซึ่งเป็นชัยภูมิที่ดีปลอดภัย

เมื่อตั้งเวทีที่ถนนแจ้งวัฒนะหน้าอาคารที่ทำการใหญ่ของดีเอสไอแล้ว

ก็มีแกนนำจากนครสวรรค์และอยุธยา เข้ามาร่วมด้วย

ตามด้วยพี่น้องชาวนาจากหลายจังหวัด

ขณะที่มีการชุมนุมทุกครั้ง ที่ฉันได้ขึ้นเวที ก็พยายามพูดให้ผู้ชุมนุมได้เห็นถึงความวิปริตของลัทธิผีบุญ ให้ผู้ชุมนุมได้ฟังเป็นระยะๆ

เวลาผ่านไปเมื่อเห็นว่า ทุกคนเชื่อมั่นในตัวเราและรับรู้ถึงความจริงแล้ว เราจึงประกาศจะจัดการกับลัทธิผีบุญ อย่างเต็มที่เมื่อเรามีชัยชนะจนนำมาซึ่งการไล่ล่าหัวหน้าลัทธิผีบุญมาจนถึงทุกวันนี้

การนี้จักสำเร็จได้ ต้องขอขอบคุณ ขอบใจ ลุงกำนัน แกนนำเวที กปท. เวทีพลังธรรม และแกนนำทุกจังหวัดของเวทีแจ้งวัฒนะ รวมทั้งมวลมหาประชาชน ที่ร่วมแรงร่วมใจกันเสียสละต่อสู้จนนำมาซึ่งรัฐบาล คสช.

ที่มาช่วยให้ชาติบ้านเมืองสงบสุข และนำพาบ้านเมืองเข้าสู่การปฏิรูปในทุกมิติ ไม่เว้นแม้แต่กิจการคณะสงฆ์และจัดการกับลัทธิผีบุญจนกลายเป็นอาชญากรแผ่นดินไปอยู่ในทุกวันนี้

มีเค้าความจริง ที่ควรจักต้องหยิบมาเล่าสู่กันฟังอีก ๒ เรื่อง

เรื่องแรก ทุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของแต่ละจังหวัดในระยะแรก

ฉันขอหยิบยืมจากแม่และลูกหลานใกล้ชิด มาจ่ายให้แก่ทุกจังหวัดเป็นค่าดำเนินการ โดยมิได้ไปรบกวนร้องขอจากลุงกำนันเลย ตั้งแต่เริ่มจนเลิกเวที

เรื่องที่สอง ก่อนที่จะออกไปเป็นแกนนำเวที

ฉันและเจ้าตั้ม เจ้าแสบ รวมทั้งผู้ติดตาม ได้เดินทางขึ้นเทือกเขาแม่วิน เพื่อทำพิธีบวงสรวง บอกกล่าวให้เทพเจ้า เทพยดา ที่ทำหน้าที่ปกปักรักษาคนตระกูลชินให้ได้รับรู้ว่า

ถึงเวลาแล้ว ที่เทพเทวาเหล่านั้น ควรจักต้องรับรู้ถึงความเดือดร้อนของผู้คนในแผ่นดิน ที่เกิดจากการกระทำของรัฐบาลคนตระกูลชิน

ฉันจึงบอกกล่าวแก่ เทพยดาเหล่านั้นว่า

จงเลิกปกป้องคุ้มครองพวกเขาได้แล้ว

พุทธะอิสระจักทำการปัดเสนียดจัญไรของแผ่นดิน

ทั้งทางอาณาจักรและศาสนจักร

เพื่อความสงบสุขของชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์
ขอเทพยดาทั่วทั้งสากลจักรวาล จงประสิทธิ์ ประสาทพร อวยชัย ให้สำเร็จกิจและแคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันอันตรายทั้งปวง

พวกเราขึ้นเขาไปทำพิธีตอน ๓ ทุ่ม

ค่ำคืนนั้น ขณะที่นอนหลับได้รับนิมิตลางดี จากเทพยดาทั้งหลาย

พุทธะอิสระจึงมั่นใจต่อการสู้ในครั้งนั้นเป็นอย่างยิ่ง

หยิบมาเล่า แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ

ขอให้ทุกท่าน สุขภาพดี อายุยืนยาว

ปัญญาเลิศ เจริญธรรม เจริญสุข

สวัสดีปีใหม่จ้า

พุทธะอิสระ