พระภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ท่านมีหลักในการดำเนินชีวิตในการบริโภคปัจจัยสี่ โดยเฉพาะเรื่องการบริโภคอาหาร ตามที่องค์พระบรมศาสดาทรงวางรากฐานเอาไว้ดังนี้คือว่า

เราย่อมพิจารณาโดยแยบคาย แล้วฉันบิณฑบาต

ไม่ให้เป็นไปเพื่อความเพลิดเพลิน สนุกสนาน

ไม่ให้เป็นไปเพื่อความเมามัน เกิดกำลังพลังทางกาย

ไม่ให้เป็นไปเพื่อประดับ

ไม่ให้เป็นไปเพื่อตกแต่ง

แต่ให้เป็นไปเพียงเพื่อความตั้งอยู่ได้แห่งกายนี้

เพื่อความเป็นอยู่ได้ของอัตภาพนี้

เพื่อความสิ้นไปแห่งความลำบากทางกาย

เพื่ออนุเคราะห์แห่งการประพฤติพรหมจรรย์

ด้วยการฉันอาหารนี้ เราย่อมระงับเสียได้ซึ่ง ทุกขเวทนาเก่า คือความหิว

และไม่ทำทุกขเวทนาใหม่ให้เกิดขึ้น

เพื่อความเป็นไปได้โดยสะดวกแห่งอัตภาพนี้

เพื่อความเป็นผู้หาโทษไม่ได้ จากการบริโภคอาหารนี้

และเพื่อความเป็นผู้อยู่โดยผาสุก จักมีแก่เรา ดังนี้

เหล่านี้คือสิ่งที่พระภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ จักต้องใช้ปัญญาพิจารณาอยู่เนืองๆ ทั้งก่อนการบริโภค ขณะบริโภค และหลังจากบริโภคแล้ว

ภิกษุใดผู้ได้รับการบำรุงจากชาวบ้าน ญาติโยม จัดทำนำอาหารมาถวาย หากไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว ที่องค์พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสสอนไว้

ภิกษุผู้บริโภคนั้นต้องอาบัติปาจิตตีย์ทุกคำกลืน มีมาในโภชนวรรค สิกขาบทที่ ๙

ส่วนชาวบ้าน ญาติโยมผู้ทำอาหารที่บำรุงบำเรอกายและกาม นอกจากจะไม่ได้บุญแล้ว ยังจักเป็นบาปเสียด้วยซ้ำไป

เนื่องในโอกาสวันครูปีนี้ 

ขออวยพรให้บรรดาคุณครูทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง สติปัญญาตั้งมั่น มีความเจริญในหน้าที่การงานเป็นต้นแบบอันงดงามให้ลูกหลาน และสานุศิษย์ของตน เจริญธรรม เจริญสุข

พุทธะอิสระ