ตอนที่แล้วจบลงตรงที่ พลเรือโท (พลเรือจัตวาในเวลานั้น) พระยาชลยุทธโยธินทร์ ควบคุมเรือพระที่นั่งมหาจักรี ไล่ตามเรือรบฝรั่งเศสทั้งสองลำมาติดๆ ตามลำแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมตัดสินใจว่าจะใช้เรือมหาจักรีพุ่งชนพลีชีพไปพร้อมๆ กับเรือรบของข้าศึก แต่กลับถูกพระเจ้าอยู่หัวทรงทัดทานไว้
ด้วยทรงเห็นว่า แม้สยามจะยอมพลีชีพใช้เรือพุ่งชนข้าศึก ก็มิอาจเอาชนะได้ จึงไม่ควรให้ไพร่พลต้องมาสูญเสียเช่นนั้น
ด้วยเหตุผลนี้ ทำเอาพระยาชลยุทธโยธินทร์ ผู้บัญชาการทหารเรือชาวเดนมาร์ก ถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้ ด้วยความอัดอั้นคับแค้นที่ไม่สามารถนำชัยชนะมาสู่สยามได้
แต่การปะทะกันที่ปากน้ำเจ้าพระยา ทำให้ฝรั่งเศสตายไป ๓ นาย บาดเจ็บ ๓ นาย ส่วนกำลังรบของสยามนั้นตายไป ๘ นาย บาดเจ็บ ๔๐ นาย
ในเวลาต่อมาเรือรบทั้งสองลำของฝรั่งเศส ก็แล่นเข้ามาตามลำน้ำเจ้าพระยาจนถึงท่าน้ำหน้าสถานทูตฝรั่งเศสในกรุงเทพฯ โดยมีเรือรบมหาจักรีของสยามจอดคุมเชิงอยู่ห่างๆ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงเครื่องจอมทัพพร้อมรบ เสด็จออกไปสมทบกับข้าราชบริพาร และพระบรมวงศานุวงศ์ในพระบรมมหาราชวัง
ทรงตัดสินพระทัยอย่างแน่วแน่ว่า จะต้องปกป้องแผ่นดินสยามเอาไว้ให้ได้ด้วยพระชนม์ชีพของพระองค์เอง
ลุจนถึงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๓๖ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศส นายโอกุสต์ ปาวี ได้ยื่นคำขาด ๖ ข้อ ส่งสาส์นมาบังคับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ เสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศ โดยมี ๒ ใน ๖ ข้อ ที่สร้างความโทมนัสอย่างแสนสาหัส ให้แก่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
โปรดติดตามตอนต่อไป...
พุทธะอิสระ