เห็นท่านยกพุทธศาสนสุภาษิต เรื่องความประมาท มาอธิบายความประมาทในรูปประมาทในเสียง ประมาทในธรรมนั้นพอจะเข้าใจตามได้
แต่ความประมาทในความคร่ำครึ คร่ำเคร่ง ในความเศร้าหมอง ทรุดโทรมนั้นจะทำความเข้าใจเช่นไร
 
ตอบ :
 
คุณแก้วตา ที่คุณบอกมาว่า พอจะเข้าใจนั้น ฉันสงสัยเหมือนกันว่า คุณเข้าใจและทำได้มั้ย ?
หากยึดแต่เพียงเข้าใจ แล้วยังทำไม่ได้ เช่นนั้น ท่านเรียกว่า ผู้ประมาทในธรรมแล้วหละ
ส่วนที่คุณถามฉันมาว่า ความประมาทในความคร่ำครึ คร่ำเคร่งในความเสื่อม เศร้าหมองนั้น มองได้ ๒ อย่าง
๑. อย่างแรกทำตัวเศร้าหมอง เครื่องนุ่งห่มเศร้าหมอง เครื่องใช้ไม้สอยเศร้าหมองมากเกินไป จนกลายเป็นความยึดมั่นถือมั่น มีตัวกูเข้าไปเป็นผู้เศร้าหมอง เช่นนี้ชื่อว่า ประมาทในความคร่ำครึ เศร้าหมอง
แม้ที่สุด ทำตัวเศร้าหมอง เพียงเพื่อเรียกร้องความศรัทธา
๒. เป็นผู้เห็นความเศร้าหมองเป็นสรณะ เป็นที่พึ่งจนยึดติดว่า เพราะความคร่ำครึ คร่ำเคร่งในความเศร้าหมองนี้เท่านั้น จะเป็นหนทางแห่งความดับทุกข์ เช่นนี้เรียกว่า ประมาทในความเศร้าหมอง
ทั้งที่แท้จริงแล้วเป็นแค่เพียงสภาวะของตัณหาที่ไม่อยากก็เท่านั้น
ทุกข์จะดับได้นั้น ไม่ใช่เพราะความเศร้าหมองแต่ต้องอาศัยสติปัญญารู้ชัดตามความเป็นจริงเท่านั้น เช่นนี้ชื่อว่า ผู้เห็นธรรม เห็นทุกข์ เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ส่วนตัวอย่างแห่งความมัวเมาประมาทในความคร่ำครึ เศร้างหมอง ได้แก่ชฎิลที่นุ่งห่มผ้าน้อยชิ้น หรือไม่นุ่งไม่ห่มอะไรเลย เป็นต้น
หวังว่า การอธิบายความครั้งนี้ คงจะทำให้คุณผู้ถามพอจะเข้าใจได้บ้างนะจ๊ะ และจะดีมากๆ หากคุณทำได้ด้วย
เช่นนี้ถือว่าคุณตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาทแล้วหละ
 
พุทธะอิสระ