ในเรื่องเกี่ยวกับคุณสมบัติห้ามอุปสมบทนี้ มหาเถรสมาคมได้ตรากฎมหาเถรสมาคมหลายฉบับ ซึ่งรวมทั้ง กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 17 (พ.ศ. 2536) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระอุปัชฌาย์ ในข้อ 14 ของกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 17 กำหนดว่า พระอุปัชฌาย์ต้องงดเว้นการให้บรรพชาอุปสมบทแก่คนต้องห้ามเหล่านี้
คนทำความผิดหลบหนีอาญาแผ่นดิน
คนหลบหนีราชการ
คนต้องหาในคดีอาญา
คนเคยถูกตัดสินจำคุกโดยฐานเป็นผู้ร้ายสำคัญ
คนถูกห้ามอุปสมบทเด็ดขาดทางพระศาสนา
คนมีโรคติดต่อเป็นที่น่ารังเกียจ เช่น วัณโรคในระยะอันตราย
คนมีอวัยวะพิการจนไม่สามารถปฏิบัติกิจพระศาสนาได้
ในข้อ 16 ของกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 17 กำหนดว่า เจ้าอาวาสผู้เป็นพระอุปัชฌาย์จะรับผู้ใดบวช ต้องมีผู้รับรองและให้ผู้รับรองของผู้นั้น นำผู้จะบวชมามอบตัว พร้อมด้วยใบสมัคร และใบรับรองผู้จะบรรพชาอุปสมบท ซึ่งจะขอได้จากพระอุปัชฌาย์ ก่อนถึงวันบรรพชาอุปสมบทไม่น้อยกว่า 15 วัน
โดยให้เจ้าอาวาสผู้เป็นพระอุปัชฌาย์สอบสวนผู้จะมาบวช ว่าผู้จะมาบวชไม่มีคุณสมบัติต้องห้ามตามข้อ 13 และข้อ 14 ดังกล่าว ซึ่งปรากฏตามข้อปฏิญญาในใบสมัครขอบรรพชาอุปสมบท และสอบถามผู้รับรองตามข้อรับรองผู้จะบรรพชาอุปสมบท จนเป็นที่เข้าใจถูกต้องตรงกันดีแล้ว จึงรับใบสมัครขอบรรพชาอุปสมบท และใบรับรอง แล้วจึงดำเนินการฝึกซ้อมผู้จะบวชต่อไป

กฎหมาย ระเบียบปฏิบัติของมหาเถรสมาคมที่กำหนดให้อุปัชฌาย์คัดกรองบุคคลที่จะเข้ามาบวช
ให้มีคุณสมบัติ คุณลักษณะตรงกับหลักพระธรรมวินัยที่กำหนดอนุญาต และห้ามเอาไว้
ไม่รู้ว่าอุปัชฌาย์สมัยนี้ได้เคยอ่านกันบ้างหรือเปล่า อ่านแล้วได้ปฏิบัติตามกันอยู่หรือไม่
หากได้อ่าน ได้ศึกษาตามหลักพระธรรมวินัย และข้อกฎหมายให้ชัดเจนแล้วปฏิบัติตาม สังคมคงไม่มีประเด็นอะไรที่จะนำมาโจษจัน ติเตียนเรื่องการให้บวชแก่บุคคลผู้ต้องการบวชจนเสียหายอยู่ทุกวันนี้ดอก
 
พุทธะอิสระ