คราวที่แล้วได้หยิบยกเอากรรม ๑๒ มาวิสัชนาแก่ผู้สงสัยไปในระดับหนึ่งไปแล้ว
แต่ดู ดู เหมือนผู้รับรู้รับฟัง ยังจะไม่แจ่มชัดถึงรากเหง้าของกรรมทั้งปวง
วันนี้จึงขอนำกรรมทั้ง ๑๒ อาการ มาอธิบายขยายความให้ท่านทั้งหลายได้เข้าใจ ให้แจ่มชัดมากยิ่งขึ้น หรือไม่ บางคนมีสติปัญญากล้าแข็ง อาจรู้สึกสว่าง กระจ่างแจ้งขึ้นมาบ้างก็เป็นได้
วันนี้ขอวิสัชนาถึงอุปัตถัมภกกรรม หมายถึง กรรมที่คอยอุ้มชู เลี้ยงดู ต่อกรรมทั้งปวง ซึ่งมีทั้งกรรมที่เป็นฝ่ายกุศล และกรรมที่เป็นฝ่ายอกุศล หรืออัพยากตธรรม
อุปัตถัมภกกรรม มีหน้าที่ที่จะเข้าไปแทรกแซง อุ้มชู สนับสนุนให้กรรมนั้นๆ เจริญขึ้น แข็งแรงขึ้น สำเร็จประโยชน์มากขึ้น
ตัวอย่างเช่น โจรไปวิ่งราวสร้อยคอทองคำเขามาจากตลาด ขณะนั้น ฉันกำลังบิณฑบาตรอยู่ที่ตลาด อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร
โจรเด็กนั้นวิ่งหนีผ่านหน้ามา แล้ววิ่งไปซ่อนตัวอยู่ในเข่งใส่เศษขยะใบใหญ่ ที่กองสุมๆ กันหลายสิบใบ
พอตำรวจวิ่งตามมา มองไม่เห็นโจรเด็ก ก็ถามฉันว่า ครูบาเห็นโจรวิ่งมาทางนี้ไหม
ฉันจึงหันไปบอกแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ฉันหันมาทางนี้ก็เห็นมีแต่คุณนี่แหละ (นี้คือลักษณะของอุปัตถัมภกกรรม)
ตำรวจจึงวิ่งตามโจรต่อไป
พอตำรวจไปแล้วฉันเดินเข้าไปเคาะเข่งที่เด็กเข้าไปหลบซ่อนอยู่ แล้วถามที่มาที่ไปว่า ทำไมถึงได้ไปวิ่งราวสร้อยทองแม่ค้าเขามา
เด็กจึงร้องไห้พร้อมบอกว่า จะหาเงินไปรักษาแม่ที่นอนป่วยอยู่โรงพยาบาล แล้วไม่มีเงินรักษา พ่อก็ไม่มี มีน้องอีก ๒ คน ที่ต้องเลี้ยงดู
เขารับจ้างเข็นผักอยู่ในตลาด ได้วันละร้อยกว่าบาท ก็ไม่พอใช้
เขาจึงตัดสินใจวิ่งราวกระชากสร้อยแม่ค้าที่เข้ามาเร่ขายของในตลาด
ฉันจึงถามเด็กไปว่า หากมีเงินไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้แม่ หนูจะนำทองไปคืนแม่ค้าหรือไม่ (นี้คือการทำหน้าที่ของอุปัตถัมภกกรรมที่เข้าไปแทรกแซง)
เด็กตอบทันทีว่า คืนครับ
ผมก็ไม่อยากจะเป็นโจร แต่ไม่รู้จะหาเงินไปรักษาแม่อย่างไร ผมจึงวิ่งราวสร้อยทอง (นี้คือการทำหน้าที่ของอุปัตถัมภกกรรม)
ต่อมา ฉันจึงพาเด็กเข้าไปหาแม่ค้าเจ้าของสร้อยคอทองคำ แล้วให้เด็กกราบขออภัยที่กระทำผิดไปด้วยความจำเป็น
พร้อมทั้งเด็กก็ส่งมอบสายสร้อยคอคืนให้แก่แม่ค้าและได้เล่าเรื่องราวความจำเป็นให้แม่ค้าฟัง พอแม่ค้ารับรู้เรื่อง จึงเกิดความสงสารยกโทษให้ (นี้คือการทำหน้าที่ของอุปัตถัมภกกรรม)
พร้อมทั้งแม่ค้าท่านนั้น จึงถามเด็กว่า แม่เอ็งรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลไหน เดี๋ยวจะเข้าไปเยี่ยม จะได้จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เรียบร้อย (นี้คือการทำหน้าที่ของอุปัตถัมภกกรรม)
ที่ยกมาทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นมาร่วม ๔๐ ปีแล้ว
เพื่อจะยกให้ท่านทั้งหลายได้เห็นการเข้าไปแทรกแซงทำหน้าที่ของอุปัตถัมภกรรม
อีกซักตัวอย่างหนึ่ง
คนไข้ป่วยเป็นสะเก็ดเงิน (หมอในประเทศแคนาดาเป็นผู้วินิจฉัย)
ผู้เป็นแม่จึงโทรมาปรึกษา พูดคุยขอวิธีรักษา เพราะหมอจะตัดขาทิ้งด้วยกลัวว่า อาการจะลุกลาม ด้วยเพราะคนป่วยเป็นเบาหวานด้วย
ฉันจึงแนะนำให้คนป่วยกินยาบำรุงเลือด และยาสะเก็ดเงิน พร้อมทั้งแช่เท้าด้วยน้ำอุ่น ๕ นาที ทุกๆ วันๆ ละ ๓ เวลา และซับให้แห้ง
แล้วนำเท้าแช่ลงไปในน้ำมันมนต์ที่อุ่นให้ร้อน แช่ประมาณ ครึ่งชั่วโมง ๓ เวลา ทุกวัน (นี้คือการเข้าไปแทรกแซงทำหน้าที่ของอุปัตถัมภกกรรม)
๑๕ วันต่อมา เท้าของผู้ป่วยก็เป็นอย่างที่ท่านเห็น
เหล่านี้ คือ การเข้าไปแทรกแซงทำหน้าที่ของอุปัตถัมภกกรรม
แต่ไม่ว่าจะยังไงอุปัตถัมภกกรรมก็หาได้อุปถัมภ์เฉพาะกรรมดีแต่ฝ่ายเดียวไม่ ยังสามารถเข้าแทรกแซงหน้าที่อุปถัมภ์กรรมชั่วหรืออัพยากตธรรมได้อีกด้วย
 
พุทธะอิสระ