๑๑. อยากมีความจำดี ไม่หลงลืม ต้องภาวนา
อธิบายว่า จากประสบการณ์ในการภาวนาสิ่งหนึ่งในหลายสิ่งที่ผู้ปฏิบัติภาวนาอย่างต่อเนื่องจะได้รับก็คือ ความจำ
ความจำที่ได้จากการภาวนา คือ การปฏิบัติในศีล ปฏิบัติในสมาธิ เจริญสติ เจริญปัญญา ด้วยเพราะหลักปฏิบัติดังกล่าว เป็นการฝึกสติ เจริญสมาธิไปในตัว อีกทั้งการภาวนาอย่างต่อเนื่องจนตั้งมั่น จะส่งผลให้ผู้ภาวนาไม่เป็นโรคทางสมอง หรือ โรคอัลไซเมอร์อีกด้วย
เช่นนี้จึงชื่อว่า ภาวนา และช่วยให้ความจำดี
 
๑๒. อยากมีทรัพย์ใช้จ่ายตลอดเวลา ต้องภาวนา
อธิบายว่า คุณสมบัติของผู้ที่จะเจริญภาวนาให้สำเร็จประโยชน์ จะต้องมีอินทรียสังวรอันได้แก่ สำรวม สังวร ระวัง ตาเห็นรูป หูฟังเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นรับรส กายถูกต้องสัมผัส ใจรับรู้อารมณ์
และจะต้องมีสติ สมาธิคอยกำกับ การสำรวม สังวร ระวังในอินทรีย์ทั้ง ๖ ให้คงที่ ราบเรียบ ไม่ตกเป็นทาสของสิ่งเร้า เครื่องล่อทั้งปวง
การมีคุณสมบัติดังกล่าวนี้ ทำให้ผู้เจริญภาวนามีชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ เห่อเหิม จนกลายเป็นคนสุรุ่ยสุร่าย
เช่นนี้ ทรัพย์ที่หามาและมีอยู่จึงถูกบริหารใช้จ่าย อย่างรู้คุณค่าประหยัดสูง ประโยชน์สุดเหมาะสมกับฐานานุรูปของตน นี้เรียกว่า ภาวนาแล้วมีเงินใช้จ่ายตลอดเวลา
 
๑๓. อยากมีเพื่อนดี ต้องภาวนา
อธิบายว่า การภาวนาต้องมีศรัทธา ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นคุณธรรมที่ไม่อาจปฏิเสธได้ เช่น เวลาจะคบค้าสมาคมกับผู้ใด
ย่อมรู้จักแยกแยะดีชั่ว ถูกผิด ที่มีในจิตใจและพฤติกรรมของผู้ที่จะคบค้าเป็นเพื่อน ว่าควรคบหรือมิควรคบ
ไม่ใช่คบกันที่หน้าตา ไม่ใช่คบกันที่ฐานะ และหน้าที่การงาน ไม่ใช่คบกันที่ชาติตระกูลสูงหรือกองเชียร์ว่าใครควรคบและมิควรคบ
การภาวนาที่ถูกต้องสมบูรณ์ด้วยคุณธรรมดังกล่าวมาแต่เบื้องต้น จึงเป็นเครื่องมือชี้วัดให้เราเลือกสรร ผู้คนที่จะมาเป็นเพื่อนเราได้อย่างดียิ่ง
 
๑๔. อยากเป็นที่เคารพของชนทั้งหลาย ต้องภาวนา
อธิบายว่า ด้วยคุณธรรมดังกล่าวมานี้ ทุกข้อของการภาวนา จักทำให้ผู้ปฏิบัติภาวนานั้น เป็นที่ยอมรับของฟ้าดิน มนุษย์ และสัตว์ทั้งปวง นี่คืออานิสงส์ของผู้มุ่งมั่น หมั่นปฏิบัติภาวนา
 
พุทธะอิสระ