เมื่อเราท่านทั้งหลายทำความเข้าใจในจริตทั้ง ๖ อย่างถ่องแท้แล้ว วันนี้เรามาทำความรู้จัก เข้าใจในข้อธรรมที่มนุษย์จำเป็นต้องรู้โดยที่มิอาจปฏิเสธได้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี ณ ที่นั้น พระผู้มีพระภาคได้รับสั่งเรียกภิกษุทั้งหลายมาตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย ปฏิจจสมุปบาท เป็นอย่างไร
คือ เพราะชาติเป็นปัจจัย ชรามรณะจึงมี ตถาคตเกิดขึ้นก็ตาม ไม่เกิดขึ้น
ก็ตาม ธาตุอันนั้น คือ ความตั้งอยู่ตามธรรมดา ความเป็นไปตามธรรมดา ความที่มีสิ่งนี้เป็นปัจจัยของสิ่งนี้ ก็คงตั้งอยู่อย่างนั้น ตถาคตรู้ บรรลุธาตุนั้น ครั้นรู้บรรลุแล้วจึงบอก แสดง บัญญัติ กำหนด เปิดเผย จำแนก ทำให้ง่าย และกล่าวว่า ‘เธอทั้งหลายจงดูเถิด’
เพราะชาติเป็นปัจจัย ชราและมรณะจึงมี ฯลฯ
เพราะภพเป็นปัจจัย ชาติจึงมี ...
เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ภพจึงมี ...
เพราะตัณหาเป็นปัจจัย อุปาทานจึงมี ...
เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ตัณหาจึงมี ...
เพราะผัสสะเป็นปัจจัย เวทนาจึงมี ...
เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ผัสสะจึงมี ...
เพราะนามรูปเป็นปัจจัย สฬายตนะจึงมี ...
เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย นามรูปจึงมี ...
เพราะสังขารเป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี ...
เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี ตถาคตเกิดขึ้นก็ตาม ไม่เกิดขึ้นก็ตามธาตุอันนั้น คือ ความตั้งอยู่ตามธรรมดา ความเป็นไปตามธรรมดา ความที่มีสิ่งนี้
เป็นปัจจัยของสิ่งนี้ ก็คงตั้งอยู่อย่างนั้น ตถาคตรู้ บรรลุธาตุนั้น ครั้นรู้ บรรลุแล้วจึงบอก แสดง บัญญัติ กำหนด เปิดเผย จำแนก ทำให้ง่าย และกล่าวว่า ‘เธอทั้งหลายจงดูเถิด’ ภิกษุทั้งหลาย เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารทั้งหลายจึงมีในกระบวนการนี้ ตถตา (ความเป็นอย่างนั้น) อวิตถตา (ความไม่คลาดเคลื่อน) อนัญญถตา (ความไม่เป็นอย่างอื่น) อิทัปปัจจยตา (ความที่มีสิ่งนี้เป็นปัจจัยของสิ่งนี้) ดังพรรณนามาฉะนี้แล
นี้เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท
ปฏิจจสมุปปันนธรรม เป็นอย่างไร
คือ ชราและมรณะเป็นสภาวะไม่เที่ยง ถูกปัจจัยปรุงแต่ง อาศัยกันและกันเกิดขึ้น มีความสิ้นไป มีความเสื่อมไป มีความคลายไป มีความดับไปเป็นธรรมดา
ชาติเป็นสภาวะไม่เที่ยง ถูกปัจจัยปรุงแต่ง อาศัยกันและกันเกิดขึ้น มีความสิ้นไป มีความเสื่อมไป มีความคลายไป มีความดับไปเป็นธรรมดา
ภพเป็นสภาวะไม่เที่ยง ถูกปัจจัยปรุงแต่ง อาศัยกันและกันเกิดขึ้น มีความสิ้นไป มีความเสื่อมไป มีความคลายไป มีความดับไปเป็นธรรมดา
อุปาทาน ฯลฯ ตัณหา ... เวทนา ... ผัสสะ ... สฬายตนะ ... นามรูป ... วิญญาณ... สังขารทั้งหลาย ...
อวิชชาเป็นสภาวะไม่เที่ยง ถูกปัจจัยปรุงแต่ง อาศัยกันและกันเกิดขึ้น มีความสิ้นไป มีความเสื่อมไป มีความคลายไป มีความดับไปเป็นธรรมดา
นี้เรียกว่า ปฏิจจสมุปปันนธรรม
*********************************************************
ธรรมที่มนุษย์จำเป็นต้องเรียนรู้เพื่อวางรากฐานของความคิด ความเห็นให้เป็นไปตามทำนองคลองธรรมของสัมมาทิฐิความเห็นชอบ สัมมาสังกัปปะความดำริชอบ ชื่อว่าเป็นผู้มีอธิปัญญาสิกขา
ดังนั้นหมู่มนุษย์ทั้งปวงจึงจำเป็นต้องศึกษา เรียนรู้ในหลักปฏิจสมุปธรรม ให้เข้าใจแจ่มชัด เพื่อความดับเหตุแห่งกองทุกข์ทั้งปวง
พุทธะอิสระ