พระสารีบุตรเมื่อแรกเกิดมีชื่อว่า "อุปติสสะ" เป็นบุตรของนางพราหมณี ชื่อ "สารี" และนายพราหมณ์ ผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านอุปติสคามแห่งตำบลนาลกะ หรือตำบลนาลันทา ชื่อ "วังคันตะ" คำว่า "อุปติสสะ" หมายความว่า ชาวบ้านอุปติสคาม อุปติสสะนั้นมีน้องชายสามคน คือ จุนทะ อุปเสน เรวัตตะ และมีน้องสาวอีกสามคน คือ นางจาลา อุปจาลา และสีสุปจาลา ในวันเดียวกับที่นางพรามหณีสารีให้กำเนิดอุปติสสะนั้น ยังเป็นวันที่เพื่อนบ้านข้างเคียงให้กำเนิดบุตรชายชื่อว่า "โกลิตะ" หรือต่อมาคือพระมหาโมคคัลลานะ
ครอบครัวของนางพราหมณีสารีนั้นมีความมั่งคั่งสมบูรณ์พร้อมมูลพอ ๆ กับครอบครัวของโกลิตะ นิสัยใจคอของทั้งอุปติสสะและโกลิตะก็คล้ายคลึงกัน ท่านทั้งสองได้คบหากันเป็นเพื่อนและเล่าเรียนด้วยกันมาแต่เล็ก ๆ จนเติบใหญ่ นอกจากนี้ ครอบครัวของทั้งสองก็ยังคบหาสมาคมกันมาถึง 7 ชั่วคน ทั้งสองจึงเป็นเพื่อนรักกันอย่างยิ่ง
วันหนึ่ง อุปติสสะและโกลิตะไปเที่ยวเล่นในงานรื่นเริงประจำปีในกรุงราชคฤห์ ขณะชมมหรสพอยู่นั้นก็เกิดความสลดสังเวชใจขึ้นมาอย่างเดียวกันว่า กิจกรรมเหล่านี้ช่างไร้สาระสิ้นดี หาประโยชน์แก่นสารมิได้เลย ควรจะหาสิ่งใดเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวและหลุดพ้นจากบ่วงเช่นนี้ ในเวลาต่อมาจึงพากันไปบวช
มีประเด็นที่ต้องวินิจฉัย คือ ขณะที่อุปติสสะและโกลิตะ กำลังเที่ยวชมมหรสพกันอยู่นั้น พลันก็เกิดอารมณ์สลดสังเวช ว่ากิจกรรมเหล่านั้นดูช่างไร้สาระ หาประโยชน์อันเป็นแก่นสารมิได้เลย
อธิบายความว่า เกิดอารมณ์สลดสังเวชหรืออารมณ์เบื่อหน่าย ขณะที่กำลังเสพกามคุณทั้ง ๕ คือ รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส
สิ่งที่ต้องใคร่ครวญตรวจสอบกับตนเองของท่านทั้งหลาย ก็คือ ท่านทั้งหลายเคยมีสภาวะอารมณ์สลดสังเวช เบื่อหน่ายขณะที่กำลังเสพกามคุณทั้ง ๕ หากมีนิพพิทาญาณ ปัญญาเห็นโทษของกามคุณอยู่บ้าง แม้เล็กๆ น้อยๆ แล้วขวนขวายที่จะหลีกลี้หนีให้พ้น นั้นแสดงว่า ท่านมีอุปนิสัยแห่งความรู้แล้ว ที่ได้สั่งสมมาแล้วแต่ในอดีต
แต่ถ้าไม่สะดุ้ง สลด สังเวช ต่อโทษภัยแห่งกามคุณแม้น้อยนิดเลย นั้นก็แสดงว่าท่านยังต้องเวียนเกิด เวียนตาย รับทุกข์ ทรมานอยู่อีกเนิ่นนาน
เมื่ออุปติสสะและโกลิตะมานพ ได้พิจารณาเห็นโทษเห็นภัยของกามคุณแล้ว จึงขวนขวายหาทางหลีกพ้น
ทั้งสองได้พากันไปขอบวชในสำนักของสัญชัยเวลัฏฐบุตร ณ กรุงราชคฤห์ โดยใช้เวลาไม่นาน ก็สามารถเรียนจบในทุกคัมภีร์ที่สัญชัยสอนให้
อุปติสสะและโกลิตะก็ยังพึงพอใจด้วยเพราะกามคุณยังมีอำนาจครอบงำตนอยู่
พราหมณ์ทั้ง ๒ จึงปรึกษากันว่า จะพากันแยกย้ายออกไปตามหาครูผู้มีวิชาที่สามารถสั่งสอนวิธีหลีกพ้น รู้แจ้งมายาการของกามคุณทั้ง ๕
 
พุทธะอิสระ