คนไทยทำไมยังประมาทจัง
นายกรัฐมนตรีลีเซียนลุง แห่งสิงคโปร์ เตือนประชาชนของตนว่า อาเซียนจะไม่เหมือนเดิม มีความเสี่ยงเกิดสงครามได้ทุกเมื่อ และชาวสิงคโปร์ต้องทำใจให้พร้อมรับ สถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน และผนึกกำลังสร้างสามัคคี
โดยการแถลงครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ เทศกาลวันชาติสิงคโปร์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม 2565
มีการสื่อสารตรงถึงชาวสิงคโปร์ทุกเชื้อชาติ โดยแถลงเป็นภาษามลายู จีน และอังกฤษ เน้นไปที่การสร้างความสามัคคี มีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อรับกับสถานการณ์คาดไม่ถึง
โดยเน้นว่า เวลานี้สิ่งแวดล้อมรอบสิงคโปร์กำลังมีปัญหา เนื่องจากสหรัฐฯ-จีน เผชิญหน้ากันหนักข้อขึ้น ขณะที่สงครามยูเครน-รัสเซียก็ยังไม่สิ้นสุด และความตึงเครียดระหว่าง จีนและสหรัฐฯ ก็ย้ายเข้ามาในพื้นที่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้บรรยากาศโลกเลวร้ายลง
และครั้งนี้ทั้งสองฝ่าย ประกาศแยกตัวจากกันชัดเจนมากขึ้น และมีข้อขัดแย้งหลายเรื่อง จนอาจเกินจะแก้ไข เช่น
- หลักปรัชญาในการบริหารประเทศ
- ระบบอุดมการณ์ของรัฐบาล
- ระบบห่วงโซ่อุปทานในการบริโภค
- สงครามเซมิคอนดักเตอร์
- การจารกรรมทางไซเบอร์
- สงครามการค้า
- ปัญหาของจีนกับไต้หวัน และอาจจะมีความขัดแย้งกับออสเตรเลียเพิ่ม
- ปัญหาทะเลจีนใต้และระหว่างเกาหลีเหนือ
และที่กำลังจะก้าวเข้าไปสู่สถานการณ์ที่เลวร้ายสุดคือ ปัญหาไต้หวัน โดยมีสหรัฐฯ พยายามจะยุแหย่ให้ไต้หวันแข็งข้อกับจีนด้วยการสร้างความกดดันแก่จีน ซึ่งจีนมองว่าเป็นการละเมิดหลักการจีนเดียว
เหล่านี้คือข่าวร้ายของชาวโลก
นายกรัฐมนตรีลี กล่าวว่า แม้ทั้งสองผู้นำมีแผนที่จะเจรจากันในเดือนพฤศจิกายนนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า สถานการณ์จะดีขึ้นทันที และสิงคโปร์หวังว่า จะไม่มีเหตุใดๆ เกิดขึ้นก่อน และทำให้สถานการณ์แย่งลงไปอีก
นายกรัฐมนตรีลี เสริมอีกว่า ภูมิภาคนี้มีความสงบสันติมายาวนาน จึงยากเหลือเกินที่จะจินตนาการว่า ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นอย่างฉับพลับเหมือนในยุโรปแล้ว อาเซียนจะเป็นเช่นไร ดังนั้นชาวสิงคโปร์ต้องเตรียมพร้อมรับกับความจริง
ผู้นำสิงคโปร์ เตือนไปยังประชาชนว่า เวลานี้สื่อโซเชียลมีเดียถาโถมรุกใส่ชาวสิงคโปร์อย่างหนัก ซึ่งมีการสร้างขึ้นอย่างมีเป้าหมาย โดยต้องการดึงให้ประชาชนเลือกข้าง ไม่ว่าจะเป็นสื่อฝั่งสหรัฐฯ ที่โจมตีจีนและรัสเซียหรือสื่อจีนที่โจมตีสหรัฐฯ
โดยเฉพาะคนสิงคโปร์ที่ใช้ภาษาจีนเป็นพื้นฐาน จะรับข่าวจากฝั่งจีนได้รวดเร็ว ดังนั้นต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง ทั้งนี้ผู้นำสิงคโปร์เป็นห่วงว่า ชาวสิงคโปร์เชื้อสายจีนอาจจะเชื่อข่าวสารจากจีนมากกว่าจากตะวันตก จึงเรียกร้องประชาชน เข้าใจถึงความเป็นชาติสิงคโปร์ ที่เกิดจากหลายเชื้อชาติ และรวมเป็นหนึ่ง
นายกรัฐมนตรีลีเซียงลุง ยังอ้างถึงวิกฤติการณ์ยูเครน ที่สิงคโปร์มีมติเห็นด้วยกับสหประชาชาติ ให้ประณามรัสเซียเพราะยึดหลักนิติธรรมสากล สิงคโปร์เป็นประเทศเล็ก จำเป็นต้องพึ่งหลักกฎหมาย เพื่อป้องกันการรุกรานของทุกชาติ
ถ้าสิงคโปร์ไม่แสดงจุดยืนในเรื่องนี้ หากเกิดอะไรขึ้นกับสิงคโปร์ จะไม่มีพันธมิตรชาติใดลุกขึ้นปกป้อง
ส่วน 3 ชาติในภูมิภาคที่งดออกเสียง เช่น อินเดีย สปป.ลาว และเวียดนาม เป็นเพราะมีความใกล้ชิดกับรัสเซียในยุคคอมมิวนิสต์ ส่วนอินเดียพึ่งพาการซื้ออาวุธจากรัสเซียเป็นหลัก
การยกมือเห็นด้วยกับสหประชาชาติ ทำให้รัฐบาลสิงคโปร์ถูกโจมตีหนักเช่นกันว่า ยืนอยู่เคียงข้างสหรัฐฯ หรือไม่ แต่ผู้นำสิงคโปร์ปฏิเสธว่าไม่ได้อยู่ข้างสหรัฐฯ แต่ตัดสินใจบนหลักกฎหมาย รวมถึงการคว่ำบาตรเศรษฐกิจ แบบพุ่งเป้าหมายกับรัสเซียก็เช่นเดียวกัน ด้วยความกดดันที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้
ผู้นำสิงคโปร์ ประกาศว่า เวลานี้มีความจำเป็นสำหรับกองกำลังที่ต้องรับใช้ชาติอย่างจริงจัง และต้องทำให้กองทัพและหน่วยรักษาความปลอดภัยภายในประเทศแข็งแกร่ง และมีความน่าเชื่อถือให้มากที่สุด
สุดท้ายผู้นำสิงคโปร์ฝากประชานว่า ความยืดหยุ่น ความพร้อม และความสามัคคี จะทำให้สิงคโปร์ผ่านความท้าทายครั้งนี้ไปได้อย่างแน่นอน
*************************************************
ขนาดสิงคโปร์เป็นประเทศร่ำรวยในอาเซียน เขายังเตือนประชาชนของเขาให้ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท จงร่วมแรงร่วมใจสมัครสมานสามัคคีกัน
แล้วพี่ไทยล่ะ ต่างกำลังทำอะไรกันอยู่ ?
ไฟสงครามกำลังปะทุ ลุกลามใกล้ตัวเข้ามาทุกที ประชาชนคนไทยทำอะไรได้บ้าง ที่จะตั้งรับในสถานการณ์บีบคั้น รุนแรงในทุกด้านเช่นนี้
เอาเป็นว่า ใครที่ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ก็สามารถอยู่รอดได้
ส่วนพวกที่มัวเมาประมาท คงยากที่จะเอาตัวรอดเมื่อสงครามเกิดขึ้น
 
พุทธะอิสระ