สมัยหนึ่งองค์พระผู้มีพระภาคได้เสด็จหลีกจาริกไปทางพระนครเวสาลี ประทับอยู่ที่กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน พระนางมหาปชาบดีโคตมีให้ปลงพระเกสา ทรงพระภูษาย้อมฝาด พร้อมด้วยนางสากิยานีมากด้วยกัน เสด็จไปยังกูฏาคารศาลา ป่ามหาวันเช่นกัน
ท่านพระอานนท์เห็นพระนางมีพระบาททั้งสองพอง ประทับยืนกันแสงอยู่ที่ซุ้มพระทวารภายนอก จึงสอบถาม แล้วทราบว่าพระผู้มีพระภาคไม่ทรงอนุญาตให้สตรีออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต
ท่านพระอานนท์ขอให้พระนางรออยู่สักครู่ แล้วได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเพื่อทูลขออนุญาต ท่านพระอานนท์ได้กราบทูลขอถึงสามครั้ง พระผู้มีพระภาคก็ทรงตรัสห้ามทั้งสามครั้งว่า อย่าชอบใจการที่สตรีออกบวชเป็นบรรพชิตเลย
ท่านพระอานนท์จึงทูลถามว่าเมื่อสตรีบวชเป็นบรรพชิต ควรจะทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล สกิทาคามิผล อนาคามิผล หรืออรหัตตผลหรือไม่ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ควร
ท่านพระอานนท์จึงกราบทูลว่าถ้าสตรีเมื่อบวชเป็นบรรพชิตควรทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล สกิทาคามิผล อนาคามิผล หรืออรหัตตผล พระนางมหาปชาบดีโคตมีซึ่งเป็นพระมาตุจฉาของพระผู้มีพระภาคทรงมีอุปการะมาก ขอสตรีได้บวชเป็นบรรพชิตในพระธรรมวินัยของพระผู้มีพระภาค
พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่าถ้าพระนางมหาปชาบดีโคตมียอมรับครุธรรม ๘ ประการ ไม่ละเมิดตลอดชีวิต ข้อนั้นจะเป็นอุปสัมปทาของพระนาง
ครุธรรม ๘ ประการ
๑. ภิกษุณีอุปสมบทแล้ว ๑๐๐ ปี ต้องกราบไหว้ ลุกรับ ทำอัญชลีกรรม สามีจิกรรม แก่ภิกษุที่อุปสมบทในวันนั้น
๒. ภิกษุณีไม่พึงอยู่จำพรรษาในอาวาสที่ไม่มีภิกษุ
๓. ภิกษุณีต้องหวังธรรม ๒ ประการ คือ ถามวันอุโบสถ ๑ เข้าไปฟังคำสั่งสอน ๑ จากภิกษุสงฆ์ทุกกึ่งเดือน
๔. ภิกษุณีอยู่จำพรรษาแล้ว ต้องปวารณาในสงฆ์สองฝ่าย โดยสถานทั้ง ๓ คือ โดยได้เห็น โดยได้ยิน หรือโดยรังเกียจ (แม้แต่ภิกษุหรือสถานที่ ที่ตนรังเกียจก็ตาม)
๕. ภิกษุณีต้องธรรมที่หนักแล้ว ต้องประพฤติปักขมานัตในสงฆ์ ๒ ฝ่าย
๖. ภิกษุณีต้องแสวงหาอุปสัมปทาในสงฆ์ ๒ ฝ่าย เพื่อสิกขมานาผู้มีสิกขาอันศึกษาแล้วในธรรม ๖ ประการครบ ๒ ปีแล้ว
๗. ภิกษุณีไม่พึงด่า บริภาษภิกษุ โดยปริยายอย่างใดอย่างหนึ่ง
๘. ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ให้ภิกษุณีทั้งหลายสอนภิกษุ ให้ภิกษุทั้งหลายสอนภิกษุณี
ท่านพระอานนท์กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่าพระนางมหาปชาบดีโคตมีได้ยอมรับครุธรรม ๘ ประการ และอุปสมบทแล้ว
พระผู้มีพระภาคตรัสว่าถ้าสตรีไม่ได้บวชเป็นบรรพชิต พรหมจรรย์จักตั้งอยู่ได้นาน สัทธรรมจะพึงตั้งอยู่ได้ตลอดพันปี
สตรีได้บวชเป็นบรรพชิตในพระธรรมวินัยที่ทรงประกาศแล้ว พรหมจรรย์จักไม่ตั้งอยู่ได้นาน สัทธรรมจักตั้งอยู่ได้เพียง ๕๐๐ ปีเท่านั้น
แล้วทรงกล่าวต่อไปว่าสตรีได้บวชเป็นบรรพชิตในธรรมวินัยใด ธรรมวินัยนั้นเป็นพรหมจรรย์ไม่ตั้งอยู่ได้นาน เปรียบเหมือนตระกูลเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่มีหญิงมาก มีชายน้อย ตระกูลเหล่านั้นถูกพวกโจรกำจัดได้ง่าย และเปรียบเหมือนหนอนขยอกที่ลงใน นาข้าวสาลีที่สมบูรณ์ นาข้าวสาลีนั้นไม่ตั้งอยู่ได้นาน
พระะผู้มีพระภาคจึงทรงบัญญัติครุธรรม ๘ ประการแก่ภิกษุณี เพื่อไม่ให้ภิกษุณีละเมิดตลอดชีวิต เปรียบเหมือนบุรุษกั้นทำนบสระใหญ่ไว้ เพื่อไม่ให้น้ำไหลไป ฉะนั้น
เมื่อพระมหาปชาบดีโคตมีทูลถามพระผู้มีพระภาคว่าพึงปฏิบัติในนางสากิยานีที่มาด้วยอย่างไร พระผู้มีพระภาคจึงทรงอนุญาตให้ภิกษุทั้งหลายอุปสมบทภิกษุณี
พระมหาปชาบดีโคตมีได้เข้าไปหาท่านพระอานนท์เพื่อกราบทูลขอพรกะพระผู้มีพระภาคให้ทรงอนุญาตการกราบไหว้ การลุกรับ การทำอัญชลีกรรม สามีจิกรรมแก่ภิกษุและภิกษุณี ตามลำดับผู้แก่ พระผู้มีพระภาคไม่ทรงอนุญาต และทรงทำธรรมีกถาว่า ภิกษุไม่พึงทำการกราบไหว้ การลุกรับ อัญชลีกรรม สามีจิกรรมแก่มาตุคาม รูปใดทำ ต้องอาบัติทุกกฎ
 
พุทธะอิสระ