หลังจากได้บวชแล้ว พระนางมหาปชาบดีโคตมีได้เสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ณ กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน เพื่อทูลขอให้พระองค์ทรงแสดงธรรมโดยย่อ เมื่อพระนางได้ฟังแล้ว จึงหลีกออกจากหมู่อยู่ผู้เดียว ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยวบำเพ็ญสมณธรรมอยู่
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
เธอพึงรู้ธรรมเหล่าใดว่า
ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อความกำหนัด ไม่ใช่เพื่อคลายความกำหนัด
เป็นไปเพื่อความประกอบ ไม่ใช่เพื่อความพราก
เป็นไปเพื่อความสะสม ไม่ใช่เพื่อความไม่สะสม
เป็นไปเพื่อความมักมาก ไม่ใช่เพื่อความมักน้อย
เป็นไปเพื่อความไม่สันโดษ ไม่ใช่เพื่อความสันโดษ
เป็นไปเพื่อความคลุกคลีด้วยหมู่ ไม่ใช่เพื่อความสงัด
เป็นไปเพื่อความเกียจคร้าน ไม่ใช่เพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเลี้ยงยาก ไม่ใช่เพื่อความเลี้ยงง่าย
เธอพึงทรงจำธรรมเหล่านั้นไว้โดยส่วนเดียวว่านั่นไม่ใช่ธรรม นั่นไม่ใช่วินัย นั่นไม่ใช่สัตถุศาสน์
 
อนึ่ง เธอพึงรู้ธรรมเหล่าใดว่า
ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อความคลายกำหนัด ไม่ใช่เพื่อมีความกำหนัด
เป็นไปเพื่อความพราก ไม่ใช่เพื่อความประกอบ
เป็นไปเพื่อความไม่สะสม ไม่ใช่เพื่อความสะสม
เป็นไปเพื่อความมักน้อย ไม่ใช่เพื่อความมักมาก
เป็นไปเพื่อความสันโดษ ไม่ใช่เพื่อความไม่สันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัด ไม่ใช่เพื่อความคลุกคลีด้วยหมู่
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร ไม่ใช่เพื่อความเกียจคร้าน
เป็นไปเพื่อความเลี้ยงง่าย ไม่ใช่เพื่อความเลี้ยงยาก
พึงทรงจำธรรมเหล่านั้นไว้โดยส่วนเดียวว่านั่นเป็นธรรม นั่นเป็นวินัย นั่นเป็นสัตถุศาสน์
ด้วยพระโอวาทนี้ พระนางมหาปชาบดีโคตรมีเถรีได้บรรลุพระอรหัตน์พร้อมปฏิสัมภิทาญาณ
ในกาลต่อมา หลักธรรมทั้งแปดประการได้กลายเป็นหลักการสำคัญในการที่ตัดสินว่า อะไรเป็นธรรม อะไรไม่เป็นธรรม อะไรเป็นวินัย อะไรไม่เป็นวินัย
(แต่ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันคุณพระท่านยังจะใช้หลักธรรมทั้งแปดนี้อยู่หรือเปล่า)
พระนางมหาปชาบดีโคตรมีเถรีได้ประพันธ์ภาษิตคาถาสรรเสริญพระพุทธคุณ ในภายหลัง
 
//////////////////////////////////////////////
ภาษิตคาถาสรรเสริญพระพุทธคุณ
พระมหาปชาบดีโคตมี กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
 
ข้าแต่พระพุทธเจ้าผู้แกล่วกล้า สูงสุดกว่าสัตว์ทั้งปวง หม่อมฉันขอนอบน้อมแด่พระองค์ผู้ทรงช่วยปลดเปลื้องหม่อมฉัน และชนอื่นเป็นอันมากให้พ้นจากทุกข์ หม่อมฉันกำหนดรู้ทุกข์ทั้งปวงแล้ว ได้เผาตัณหาให้สิ้นไปแล้ว
ทำเหตุแห่งทุกข์ให้เหือดแห้งแล้ว ได้เจริญมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ได้บรรลุนิโรธแล้ว.
 
ชนทั้งหลายเป็นมารดา เป็นบุตรธิดา เป็นพี่เป็นน้อง เป็นปู่ย่าตายายกันมาในชาติก่อนๆ ขณะนั้นหม่อมฉันไม่รู้ตามความเป็นจริง ไม่พบที่พึ่งจึงได้หลงยึดติดท่องเที่ยวไป.
ก็และบัดนี้หม่อมฉันได้พบพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นแล้ว ได้รู้แจ่มแจ้งในความจริงของสิ่งทั้งปวงแล้ว อัตภาพนี้เป็นอัตภาพสุดท้าย ชาติสงสารสิ้นแล้ว บัดนี้ภพใหม่มิได้มีแล้ว ขอพระองค์โปรดทอดพระเนตรพระสาวกทั้งหลายผู้ปรารภความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยว มีความบากบั่นมั่นคงเป็นนิตย์ มีความพร้อมเพรียงกัน การทำโลกุตรธรรมให้ประจักษ์แก่ตนอย่างนี้เป็นการถวายบังคมต่อพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.
 
วันนี้ขอจบแค่นี้ก่อนนะจ๊ะ
 
พุทธะอิสระ