จาก โพสต์เฟสบุ๊ค มจ. จุลเจิม เมื่อปี 2559
ผู้เขียน ชื่อ คุณ บุญญ์พัชรเกษม เสริมวัฒนากุล
จดหมายเปิดผนึกถึงท่านเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ฉบับที่ 2
หากท่านยังระ ลึกได้จากจดหมายฉบับแรกที่ข้าพเจ้าเขียนถึงท่านนั้น ข้าพเจ้าเขียนในฐานะของอดีตนักการทูตและในฐานะของสื่อมวลชนที่เรียกร้องให้ท่านได้โปรดปฏิบัติตนเยี่ยงนักการทูตชาติอื่นๆ ที่เคารพในธรรมเนียมปฏิบัติทางการทูตที่ดีด้วยการให้เกียรติมิตรประเทศและการให้ความเคารพแก่องค์พระประมุขของประเทศไทย
สำหรับจดหมายฉบับนี้ ข้าพเจ้าขอเขียนในฐานะลูกคนหนึ่งของพ่อที่พร้อมจะปกป้องพ่อและครอบครัวในทุกกรณี ท่านก็คงน่าจะเข้าใจถึงความรักที่ลูกควรจะมีต่อพ่อ หากท่านได้เรียนรู้แก่นลึกของค่านิยมแห่งสังคมตะวันออกที่ให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัว โดยเฉพาะวัฒนธรรมไทยที่ให้ความเคารพอย่างยิ่งต่อหัวหน้าครอบครัวและให้เกียรติกับผู้ที่อาวุโสกว่าด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิ
หากเปรียบประเทศๆ หนึ่งคือ "บ้าน" ในบ้านก็ย่อมต้องมีพ่อแม่ลูก และก็เป็นเรื่องปรกติที่พ่อจะต้องทำหน้าที่เป็นผู้นำและเป็นหลักของครอบครัว ที่ต้องคอยปกครองและปกป้องลูกๆให้อยู่ดีมีสุข หากลูกๆ หลายคนมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกัน พ่อก็ต้องทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยและให้ความยุติธรรม ซึ่งในสำนึกของความเป็นพ่อคนเป็นแม่คนนั้น คงไม่มีพ่อแม่คนไหนในโลกที่ไม่รักลูกตัวเองและที่สำคัญพ่อแม่ทุกคนต่างก็รักลูกตัวเองเท่าๆ กัน ตัวท่านเองก็คงเข้าใจถึงความเป็นพ่อ หากท่านมีลูกหลายคน ท่านก็น่าจะยิ่งเข้าใจว่าการรักลูกเท่ากันนั้นรู้สึกอย่างไร เพราะเป็นความรู้สึกที่มิใช่วัดด้วยเหตุผล แต่ต้องวัดด้วย..ใจ
เมื่อคนในครอบครัวเราเองจะพูดจะคุย จะปรึกษาหารือกันนั้น ก็มีคำถามว่า
-เราจำเป็นต้องไปขออนุญาตคนบ้านอื่นก่อนหรือไม่ ในการทำกิจวัตรส่วนตัวภายในบ้านเราเอง?
-เราจำเป็นต้องฟังหรือไปขอความเห็นคนบ้านอื่นหรือไม่ หากคนในบ้านเรามีปัญหากันไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่?
-หากมีเพื่อนบ้านสักคนจะเดินเข้ามาในบ้านเรา เขาคนนั้นควรจะต้องขออนุญาตเจ้าของบ้านก่อนหรือไม่?
-หากมีเพื่อนบ้านที่มิใช่รั้วติดกันมายืนชี้นิ้วสั่งการอยู่หน้าบ้าน เราจะยอมให้เพื่อนบ้านคนนั้นกระทำเช่นนั้นหรือไม่?
ทุกคำถามต้องการคำตอบที่มาจากสามัญสำนึกล้วนๆ สามัญสำนึกในความเป็นมนุษย์ที่เป็นสัตว์สังคม มิได้ต้องการคำตอบที่ต้องการข้อมูลอ้างอิงหรือการค้นคว้าในระดับจุลภาคหรือมหภาคแต่ประการใด
คำถามเดียวสำหรับจดหมายฉบับนี้ ในฐานะลูกหากมีใครไปยืนสั่งให้พ่อของท่านห้ามทำอย่างนั้นหรือต้องทำอย่างนี้ในเขตรั้วบ้านของท่าน ท่านจะยอมหรือไม่ และหากเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในบ้านของท่านจริงๆ ในฐานะลูกท่านจะต้องทำอย่างไร
หากท่านได้คำตอบแล้ว ไม่จำเป็นต้องตอบเสียงดังๆ ให้เราได้ยิน แค่ตอบในใจดังๆ ให้ตัวท่านเองได้ฟังอย่างเข้าใจ แล้วท่านก็จะรู้ว่านั่นคือคำตอบของคนไทยทั้งประเทศ
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด หวังว่าคงไม่ต้องให้ข้าพเจ้าเขียนจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 3 ให้ท่านรำคาญใจอีก
ด้วยความปรารถนาดีและการให้เกียรติในความเป็นมนุษย์ของผู้อื่นเสมอมา
บุญญ์พัชรเกษม เสริมวัฒนากุล
ปล. อนุญาตให้เผยแพร่และกระจายต่อได้ตามสะดวก
**************************************
ไม่รู้ว่าบทความของท่านชายจุลเจิม จะถูกใจพวกมนุษย์น้ำแข็งไส เขาบ้างหรือเปล่า
แต่พวกสลิ่มอย่างพวกเรา แม้จะเป็นขนมโบราณ จะเก่า จะแก่ จะบูดอย่างไง ยังไง ก็ยังคงทนกว่าพวกมนุษย์น้ำแข็งไส ที่มาไว สลายไว และสุดท้ายก็กลายเป็นได้แค่น้ำ
หน้าร้อนๆ เช่นนี้มนุษย์น้ำแข็งไส อาจจะดูเย็นสบาย ถูกใจ เป็นที่ชื่นชอบของใครๆ หลายๆ คน
แต่มนุษย์น้ำแข็งไส ก็ต้องเหน็ดเหนื่อย ที่พยายามจะต้องรักษาสถานภาพของตนเอาไว้ไม่ให้ละลายได้ง่าย
แต่สลิ่มอย่างพวกเรายังอยู่ได้ แม้แต่จะบูดก็ตาม
หากเราท่านทั้งหลายใช้สติปัญญาอย่างแยบคาย สุดท้ายน้ำแข็งไสก็จะละลายหายไปเอง
ขอเพียงมนุษย์สลิ่มอย่างพวกเราสมัครสมานสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มุ่งยึดมั่นในหลักชัย หลักใจเดียวกัน คือ ชาติ ศาสน์ และองค์พระมหากษัตริย์อย่างมั่นคง
แล้วก็ยืนยัน ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมีสติปัญญา รอบคอบ มั่นคง ตรงต่อเหตุการณ์ เท่านี้เราก็มีชัยเหนือมวลหมู่มนุษย์น้ำแข็งไสพวกนั้นแล้วหละ
จงตระหนักระลึกถึงสุภาษิตที่ว่า
ระยะทางพิสูจน์ม้า
กาลเวลาพิสูจน์คน
พุทธะอิสระเชื่อว่า สลิ่มอย่างพวกเราทรหด อดทนเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว
ขอเพียงอย่าประมาท อย่าเลินเล่อ วู่วามก็แล้วกัน
พุทธะอิสระ